Motor Show 2023 จัดเต็มครบทุกสีสัน รถใหม่ เทคโนโลยีใหม่-โปรโมชั่นแรง

สัมภาษณ์:  คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI  และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44

โดย ดร.นงค์นาถ ห่านวิไล

งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (Motor Show 2023) เป็นงาน จัดแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ปีนี้มีค่ายรถกว่า 44 แบรนด์ เข้าร่วมเปิดบูธเต็มพื้นที่การจัดงานกว่า 170,960 ตารางเมตร หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คาดว่าจะส่งผลต่อตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยภายในงานมีการเปิดตัวรถยนต์ รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ทั้งประเภทเครื่องยนต์สันดาป และรถพลังงานไฟฟ้าหลากหลายรุ่น รวมถึงการประชันโปรโมชั่นเพื่อเก็บยอดขายช่วงต้นปีกันอย่างคึกคัก

ติดตามประเด็นน่าสนใจจากบทสัมภาษณ์ คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI  และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44

ดร.นงค์นาถ:  Concept งานปีนี้ Colorful Experience ประสบการณ์ครบทุกสีสัน ช่วยอธิบายถึง concept นี้

คุณพีระพงศ์: สำหรับ  colorful experience ซึ่งเป็น concept ของงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่44 นี้ ต้องการสื่อถึงความครบทุกประสบการ์ณ ครบทุกสีสัน ประสบการณ์อันหลากหลายผ่านทางเทคโนโลยียานยนต์ ที่ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

ดร.นงค์นาถ:  ปีนี้โควิดคลี่คลายลง งานกลับมามีแนวปฏิบัติเหมือนก่อนโควิดหรือยัง ผู้ไปร่วมงานต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

คุณพีระพงศ์: แนวปฏิบัติตอนนี้ ก็จะเกือบเหมือนกับก่อนโควิดแล้ว เราไม่ได้บังคับให้สวมหน้ากากอนามัย ให้เป็นไปตามความสมัครใจ  แต่เรายังมีจุดล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ต่างๆให้บริการอยู่ในบริเวณงาน ส่วนการเข้าชมบูธ เมื่อก่อน ต้องมีการจำกัดจำนวนคน ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว

ดร.นงค์นาถ ปีนี้งานคึกคักแค่ไหน มีค่ายรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เข้าร่วมทั้งหมดกี่แบรนด์

คุณพีระพงศ์ : ปีนี้คึกคักมาก มีบริษัทต่างๆ เข้ามาร่วมทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์มากกว่า40แบรนด์ แบ่งเป็นรถยนต์27แบรนด์ รถจักรยานยนต์อีก14แบรนด์ แล้วก็มีรถยนต์ทั้งจากจีนเข้ามาเพิ่ม มี NETA, BYD  ฝั่งมอเตอร์ไซค์ก็มีจากจีนที่เข้ามาเพิ่มอยู่หลายราย เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ถือว่าปีนี้บริษัทต่างๆค่อนข้างเต็มที่กับงานนี้มาก

มีรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ โปรโมชั่นต่างๆก็จัดเต็ม ปัญหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ส่วนประกอบของรถที่ขาดแคลน ก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว บริษัทรถต่างๆ ค่อนข้างเปิดตัวอย่างเต็มที่ ส่วนหนึ่งเพราะการส่งมอบรถให้ลูกค้าทำได้เร็วกว่าช่วงที่ผ่านมา

ดร.นงค์นาถ : ทราบว่า ตอนนี้ มียอดจองเยอะ หลายค่ายที่เป็นรถใหม่ อย่าง ฮอนด้า ซีอาร์วีใหม่ บอกว่า 7วัน มียอดจอง 2000 คันแล้ว หลายค่ายยอดจองดีมากๆเลยใช่ไหม

คุณพีระพงศ์ : โตโยต้า, ฮอนด้า ยังเป็นค่ายที่ขายดี ขายดีติดอันดับท็อปเท็น ถึงแม้ว่าวันนี้กระแสของรถไฟฟ้ามีคนนิยมมากขึ้น แต่ในส่วนของตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ก็ยังได้รับความสนใจ  ภาพรวมถึงวันนี้ (30 มี.ค.) เช็คยอดจากแต่ละค่ายที่มีรายงานเป็นประจำวัน ทุกวันอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับปีที่แล้วยอดจองโตขึ้นมาประมาณ 25-30%  ตอนแรกคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ10-15%

ดร.นงค์นาถ : การจองคือเหนือความคาดหมายที่วางไว้ ทราบว่า 7 วันแรกยอดทะลุหมื่นกว่าคัน

คุณพีระพงศ์ : ใช่ 7 วันไปแล้วหมื่นกว่าคัน ซึ่งจริงๆกับปีที่แล้วมียอดจองอยู่ที่3หมื่น ตรงนี้อาจดูเหมือนว่าผ่านไปครึ่งหนึ่ง แต่ว่าได้มาแค่สักประมาณหมื่นคัน จริงๆแล้วคือจะมีบางบริษัทรถที่จะส่งข้อมูลหลังจากวันสุดท้าย ก็จะไม่ได้รวมอยู่ในตัวยอดที่เรามีของทุกวันนี้ จะรอแจ้งจบงานเลย ยอดวันท้ายๆอาจจะมียอดจองมากว่าในครึ่งแรก ในภาพรวมผมคิดว่าปีนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้มาก เพราะเปิดต้นปีงานมอเตอร์โชว์ของเราก็เหมือนเป็นงานใหญ่เป็นงานแรกของปี แล้วก็เป็นงานที่บริษัทต่างๆให้ความสำคัญในการที่จะมาเปิดตัวรถในงาน พร้อมโชว์เทคโนโลยีต่างๆ และมีพวกโปรโมชั่นต่างๆที่เข้ามา ผมว่าเขาใช้ในส่วนของงานเราเป็นงานที่จะเริ่มต้นของแต่ละปี ซึ่งด้วยตัวเลขที่มีอยู่ของแต่ละปี ตอนนี้ผมคิดว่าในปีนี้น่าจะทำให้ยอดขายรถยนต์ทั้งปี มีความเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

ดร.นงค์นาถ : หลายค่ายแม้ว่ายังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายในบ้านเรา แต่นำเข้ามาให้ดูก่อนให้ชมก่อน เช่น มาสด้า นำ MX-30 มาโชว์ในงาน แต่ว่ายังไม่มีขาย แต่ก็ให้เห็น ROAD MAP เป็นอย่างไร

คุณพีระพงศ์ : ผมว่าช่วงนี้เป็นยุคที่เปลี่ยน คือ จะมีทั้งคนที่พร้อมและยังไม่พร้อม ผมว่าคนที่พร้อมแล้ว อยากใช้รถไฟฟ้า ตัวโมเดลของรถไฟฟ้า คิดว่าน่าจะมีให้เลือกที่ค่อนข้างหลากหลายกว่าเดิม เมื่อก่อนอาจมีในส่วนที่ราคาแพงๆ แต่ปัจจุบันก็มีราคาถูกไม่ถึงล้านก็มี แล้วสมรรถนะในเรื่องของการใช้ไฟระยะทางเองก็ดีกว่าเมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาเยอะ

ดร.นงค์นาถ : ECO SYSTEMS ของรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนดีขึ้นเยอะไหม

คุณพีระพงศ์ : ผมว่าดีขึ้นเพราะว่าในเรื่องของสถานีชาร์จไฟเองก็เติบโตขึ้น และ ปตท.เองหรือว่าทางบริษัทต่างๆที่ทำเรื่องของพวกเครื่องชาร์จ ผมว่าก็มีเจ้าใหม่ๆเยอะ ก็มีผู้เล่นหน้าใหม่ๆในตลาดค่อนข้างเยอะจึงทำให้ตรงนี้น่าจะรองรับได้ แต่ที่ผมบอกว่าในความสะดวกจริงๆแล้วเรื่องความสะดวกเอง เราต้องมีที่ชาร์จของตัวเอง อาจจะเป็นคนที่มีบ้านมีรถสำรองอยู่แล้วมีรถ2คันในบ้านในการที่จะซื้อรถอีกคัน เติมรถใหม่เข้ามา หรือทดแทนรถเดิมเป็นรถไฟฟ้าก็สามารถที่จะทำได้เลย

คือถ้าชาร์จที่บ้านเราก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจแล้วว่าเราชาร์จให้เต็มก่อนไปที่ไหน เผื่ออย่างไรก็ชาร์จข้างนอกก็ได้ แต่ว่าถ้าเกิดคนที่ยังไม่มีที่ชาร์จ อย่างเช่นคนที่อยู่คอนโดหรือสถานที่บางอย่างอาจจะไม่เอื้ออำนวย ผมว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีที่ชาร์จข้างนอกเยอะแล้วก็ตาม อาจจะเป็นสิ่งที่ยังไม่ครอบคลุมต่างๆมากนัก เพราะการเติมของไฟฟ้ายังต้องใช้เวลาอยู่

แต่ถ้าถามว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะไหม ผมว่าก็ดีกว่า สถานการณ์ตอนนี้เริ่มก้าวกระโดด รถต่างๆเริ่มเพิ่มเข้ามาเยอะขึ้นก็น่าจะดีขึ้น แต่ว่าในจำนวนรถรวมที่มีอยู่ ต้องบอกว่ารถไฟฟ้ายังไม่ได้เยอะมาก เป็นหลักหมื่นคันยังไม่ได้เป็นหลักแสนคัน ผมว่าในจุดต่างๆที่มีอยู่น่าจะรองรับเพียงพอสำหรับจำนวนรถขนาดนี้ โดยจะค่อยๆโตตามกันไป

ดร.นงค์นาถ: ในงานนี้เห็นชัดเลยว่าคนไทยเราสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

คุณพีระพงศ์ : ก็มียอดมากขึ้น แต่ถ้าถามว่ามียอดรวมมากขึ้นจากการขายรถทั้งหมดในการจองรถทั้งหมด หมายถึงว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเพียวๆ อาจจะยังไม่ถึงครึ่งของยอดจำหน่ายรถทั่วทั้งหมด ถามว่ายังน้อยอยู่ในอัตราการก้าวกระโดด แต่ถ้าเทียบในภาพรวมของทั้งหมด อาจจะยังไม่ได้เป็นยอดที่โตเกินครึ่ง แต่ผมว่าอีกไม่นานน่าจะทดแทนขึ้นมาได้เรื่อยๆ

ดร.นงค์นาถ: ถ้าไปงานบางกอกอินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มีอะไรบ้างที่ต้องห้ามพลาดในงาน ต้องไปชมอะไรบ้าง อะไรที่เป็นไฮไลท์

คุณพีระพงศ์: ถ้าพูดถึงไฮไลท์ผมว่าเกือบทุกบูธมีไฮไลท์หมดเลย คือรถอย่างที่บอกอย่างโตโยต้าเองก็มีทั้งรถกระบะ รถไฟฟ้ามาโชว์แต่ยังไม่ได้ขาย แล้วยังมีในส่วนของPRIUS หรือว่ามีในส่วนของ LEXUS ก็มีรถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ค่ายของฮอนด้า ก็มี CRV ทางค่ายเบนซ์ก็มีที่เป็นรถไฟฟ้าตัวใหม่ BMW ก็มีออกตัวใหม่มา BMW-SM ตัวของรถแนวสปอร์ตอย่างเช่น m2 รุ่นใหม่แล้วก็ทางรถไฟฟ้าอย่างMG ก็มีเปิดตัวรถตู้รุ่นใหม่ที่คนให้ความสนใจค่อนข้างเยอะ เป็นรถตู้ไฟฟ้า

อย่างค่ายBYD ที่เป็นรถไฟฟ้าถึงแม้ว่าจะมีรถที่ขายหลักๆ อยู่แค่ 2 รุ่นแต่นำรถจากจีนที่เป็นรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมาโชว์อีกมากมายให้เราได้เห็นเทรนด์ ได้เห็นว่าเรามีตัวโปรดักส์อะไรบ้าง หรือจะเป็นในส่วนของรถสปอร์ตอย่างเช่น porsche มีในรุ่น carrera ที่เขาทำมาเพื่อครบรอบ 30 ปี เป็นรถที่มีสีสัน7สีในคันเดียวกันทำมาเป็นพิเศษ คือเขาดูตามว่าเป็นครบรอบ30ปีในเมืองไทย เลยคิดว่าอยากจะทำโปรเจ็คท์พิเศษ ซึ่งคนไทยคุ้นเคยกับสีวันต่างๆวันจันทร์สีเหลือง วันอาทิตย์สีแดง ตามความเชื่อของคนไทย เลยทำรถรุ่นพิเศษ แต่ว่ารถที่จะทำขายก็เป็นสีตามวัน วันจันทร์สีเหลือง อังคารชมพู พุธสีเขียวแต่ว่าที่นำมาโชว์ในคันหนึ่งจะมีทุกสี ซึ่งเป็นงานแฮนด์เมด  ที่เขานำมาโชว์แล้วหลังจากจัดงานแล้วจะนำรถย้ายไปที่พิพิธภัณฑ์ที่เยอรมัน

นอกจากนั้นยังมีอย่างบางค่ายที่เป็นผู้นำเข้าอิสระ จะมีรถอย่างซูบารุเป็นรุ่นพิเศษเป็นรถแข่งที่ทำเลียนแบบรถแข่งรุ่นหนึ่ง ซึ่งได้รับความนิยมในอดีตหรือเป็นตำนานในอดีต เข้ามาโชว์ในงานก็ตกมูลค่าที่เขาซื้อขายกันก็อยู่ที่55ล้าน

ภายในงานจะมีทั้งรถที่เปิดตัวใหม่รถไฟฟ้าใหม่ๆรวมถึงค่ายต่างๆบางค่ายที่เป็นผู้นำเข้าอิสระก็นำรถแปลกๆหรือหายากหรือซุปเปอร์คาร์ต่างๆเข้ามาโชว์กัน

มอเตอร์ไซค์ก็เหมือนกัน มีมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆเข้ามาเปิดตัวภายในงานค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมถือว่าเป็นงานโชว์ยนตกรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว ผมว่าก็ไม่น่าพลาดเพราะมีอีกหลายสิ่งที่น่าสนใจต่างๆที่คิดว่าน่าจะเห็นได้จากการที่สื่อต่างๆของปีนี้ในโซเชียลมีเดียลงเยอะในเรื่องของรถรุ่นใหม่ๆต่างๆ

ดร.นงค์นาถ : โดยรวมแล้ว12วันจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้สักเท่าไหร่ งานนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในบ้านเราใช่ไหม

คุณพีระพงศ์ : ผมว่าในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเราเทียบกับยอดจอง จะอยู่ที่ประมาณสัก 3-4 หมื่นคัน โดยเฉลี่ยจะมีรถทั้งราคาถูก ราคาแพง ถ้าสมมุติว่าเราคิดเฉลี่ยประมาณสัก 8 แสนล้านหนึ่งสักปีหนึ่ง จากในงานเองผมว่าประมาณ3-4หมื่นล้านจากโน๊ตที่มีอยู่ ไม่รวมถึงการจัดงานครั้งหนึ่ง บริษัทรถหรือเราเองจะต้องเตรียมการ ทั้งเรื่องของการก่อสร้างเม็ดเงินมหาศาลที่จะก่อสร้างบูธต่างๆที่มีอยู่ในงานทั้งหมด รวมถึงการจ้างงานเรื่องของอาหาร เรื่องของการจ้างงานคนทีมงานต่างๆหรือพริตตี้ต่างๆทีมงานซัพพลายเออร์ต่างๆ ผมว่าถือว่าได้สร้างกระแส หรือทำให้เกิดการใช้จ่ายค่อนข้างที่จะเยอะในงาน ซึ่งมูลค่าในงานผมว่าต้องมีเป็นพันล้าน ในงานที่แต่ละบูธทุ่มทุนสร้างบูธ เพราะอย่างบูธใหญ่ๆสร้างเองก็มีเป็น20ล้านเหมือนกัน เพราะว่าในพื้นที่เองในเรื่องของการทำบูธเอง จริงๆจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ รวมถึงการเอารถเข้ามา เป็นเงินที่หมุนเวียนในการที่รถเอาเข้ามาโชว์แล้วเอามาขายต่างๆ ผมว่าก็มีมูลค่าในงานเยอะ

สำหรับงานนี้งานมอเตอร์โชว์ครั้งที่44 อยากให้ทุกๆท่านไม่ควรพลาดเพราะเป็นการที่บริษัททั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ผู้ที่มาร่วมงานทั้งหมดคือ ทุกคนทุ่มเทที่จะให้การออกงานครั้งนี้เป็นการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบหลังจากสถานการณ์โควิด รถยนต์รุ่นต่างๆที่มาได้เห็นในงานไม่สามารถที่จะเดินไปโชว์รูมวันนี้ และเห็นการโชว์รถทุกโมเดลได้ครบได้อย่างการที่มาอยู่ในงานเรา นอกจากนั้นถ้าชอบแล้ว ยังมีการให้ทดลองขับได้ และในเรื่องของข้อมูลต่างๆหรือโปรโมชั่นต่างๆเรียกว่าทุกค่ายก็เตรียมมาอย่างพร้อม รวมถึงจะมีกรุงศรี กสิกรที่มาร่วมออกบูธ และให้พวกสิทธิประโยชน์ในเรื่องของไฟแนนซ์ต่างๆเพิ่มเติม

งานนี้ถ้าใครสนใจมาศึกษามาดูเทคโนโลยีใหม่ๆเพราะนี่คือยุคของการเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมคิดว่าการที่เราจะซื้อรถสักคันเป็นสินค้าที่มีราคา เราควรจะศึกษาข้อมูล เพื่อนำมาเปรียบเทียบ ซึ่งงานนี้เป็นงานที่ครบที่สุดแล้วที่มีรถต่างๆเข้ามาโชว์

สำหรับ บัตรเข้าชมราคา100บาท สุดคุ้ม เพราะว่าได้เข้ามาลุ้นสิทธิพิเศษต่างๆ ที่1จะเป็นรถไฟฟ้า แล้วจะเป็นรถจักรยานยนต์อีก5คัน ส่วนผู้ที่จองรถในงานก็มีส่วนได้ลุ้นรับรถไฟฟ้าอีกเหมือนกัน คิดว่าค่อนข้างที่จะดึงดูดผู้เข้าชม


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น