มุมมอง “บุญชัย โชควัฒนา” เพราะอะไร? ไม่ควรเปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจ ช่วงนี้

“บุญชัย โชควัฒนา” ไม่เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนทีม ครม.เศรษฐกิจช่วงนี้ ฝากรัฐบาลคิดให้รอบคอบ การเปลี่ยนม้ากลางศึก อาจทำให้งานไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่งบฯ อัดฉีดระบบเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เพิ่งผ่านสภาฯ

บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า ไม่ควรมีการปรับเปลี่ยน และคิดว่าที่อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหาทางการเมืองมากกว่าความสามารถในการแก้ไขปัญหาของทีมเศรษฐกิจเดิมที่ทำงานมาหลายปี ซึ่งทำได้ดีอยู่แล้ว อาจมีข้อบกพร่องเล็กน้อย ในช่วงการให้เงินเยียวยาวิกฤติโควิด-19 จำนวน 5,000 บาท อาจมีความขลุกขลักอยู่บ้าง

บุญชัย โชควัฒนา

ก็ไม่รู้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากอะไร แต่คิดว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าใครจะทำก็ตาม ในการใช้ระบบออนไลน์ ระบบไอทีมาช่วย และได้แก้ปัญหาไปพอสมควร ตนเองคิดว่าควรให้คะแนนในสิ่งที่เขาทำดี ไม่ใช่เป็นประเด็นที่จะต้องมาเปลี่ยน ครม.ในด้านนี้ เพราะการเปลี่ยนครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ ใครจะมาทำ แล้วจะต่อติดหรือไม่ในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว

การเปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับตนเอง เหมือนมาเปลี่ยนม้ากลางศึก ยิ่งตอนนี้มีงบประมาณที่มาอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ที่เพิ่งผ่านสภาฯ ด้วยความยากลำบาก ต้องเขียนนำเสนอ พอได้งบประมาณแล้ว จะมาเปลี่ยนทีม แล้วจะทำงานต่อกันติดได้อย่างไร คงจะยากลำบากกันทีเดียว

การจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถ้าเปลี่ยนโดยเหตุผลทางการเมืองก็เปลี่ยนได้ แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยว่าใครจะมาทำหน้าที่เป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐได้เหมือนกับที่ทีมเดิมทำอยู่ เพราะทีมเดิมทำด้วยความตั้งใจ และไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการเปลี่ยนครั้งนี้ ตนเองค่อนข้างเป็นห่วงมาก และทีมเดิมเป็นทีมที่ทำเรื่องของบประมาณ 4 แสนล้านบาท เป็นทีมที่น่าเชื่อถือได้ เพราะเป็นทีมที่ไม่ใช่นักการเมืองมาแต่กำเนิด แล้วการที่นักการเมืองจะเข้ามาทำ ทำให้ตนเองยิ่งเป็นห่วงมากว่าจะใช้เงินนี้อย่างไรที่จะไม่ให้รั่วไหล คิดว่าถ้าอยู่กับทีมเก่าโอกาสที่จะรั่วไหล น้อยกว่านี้เยอะ

จากเหตุการณ์โควิด-19 ตนเองเห็นว่าทุกคนก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงไหนก็ตาม ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตนก็ช่วยสนับสนุนในมาตรการหลายด้าน เพราะเห็นว่าเขาตั้งใจทำงานกัน และทำงานแบบโปร่งใส ไม่มีอะไรแอบแฝง ก็เลยคิดว่าจะเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจไปเพื่ออะไร มองไม่เห็นเลยว่าเปลี่ยนไปแล้วจะมีอะไรดีขึ้น

บุญชัย ยังเสนอแนวทางช่วยเหลือคนตกงานจากมาตรการล็อกดาวน์ที่มีจำนวนมากว่า กระทรวงแรงงานจะต้องหันมาช่วยเหลือคนที่ตกงาน ทำอย่างไรให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้น หรือไม่ตกงาน สิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำก็คือหาอาชีพใหม่ ที่ไม่ใช่อาชีพเดิม เป็นอาชีพที่มีรายได้ เป็นอาชีพที่เป็นของใหม่ ซึ่งหลายคนก็ทำอยู่

แต่อีกส่วนหนึ่ง กระทรวงแรงงานต้องเป็นตัวกลาง เพราะทุกวันนี้บางองค์กรก็ยังต้องการคนเพิ่ม บางองค์กรก็มีคนตกงานเยอะ แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามีองค์กรไหนต้องการคนเพิ่ม ในตำแหน่งอะไร ดังนั้นกระทรวงแรงงานต้องเป็นส่วนกลาง ติดต่อหน่วยงานทั่วประเทศ บริษัทใหญ่ๆ ว่าตอนนี้ต้องการคนกี่คน ต้องการคนระดับไหน โปรไฟล์เป็นอย่างไร แล้วเก็บเป็นสถิติ เป็นดาต้าเบสไว้ แล้วก็ให้คนที่ตกงานอยู่ แจ้งเข้ามาว่าเขามีวุฒิการศึกษาอะไร เคยมีอาชีพอะไร มีความชำนาญด้านไหน อยากทำงานอะไร เป็นการแมทชิ่งความต้องการขององค์กรต่างๆ กับความต้องการของคนที่ตกงานทั้งหลาย นี่เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง และรวดเร็วได้ยิ่งดี

นอกจากนี้ ภาครัฐอย่างกรุงเทพมหานคร ควรนำงบประมาณที่มีอยู่มาจ้างงานคน 200-300 คน ที่ว่างงานอยู่ตอนนี้ มาทำความสะอาด กทม.ที่มีหลายส่วนสกปรกมาก เช่น เสาสะพานลอย ใช้โอกาสนี้ล้าง กทม.ให้สะอาดขึ้น คราบสกปรก ฝุ่นละออง ลดลงไป โดยใช้รถบรรทุกน้ำ เท่ากับว่าเราทำภารกิจบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง แล้วให้คนที่ตกงานได้มีงานทำด้วย

สุดท้ายบุญชัยฝากถึงรัฐบาลว่า ตนเองไม่อยากให้เปลี่ยน ครม.เศรษฐกิจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ขอฝากรัฐบาลขอให้ทำทุกอย่างรวดเร็วและรอบคอบ อย่าตัดสินใจเร็วแต่ไม่รอบคอบ น่าเป็นห่วงเหมือนกับที่เราทำกิจกรรมที่ผ่านมา ทำไปแล้วเกิดปัญหา ขอให้ใช้สติและวิจารณญาณที่ดีในการเดินหน้าในช่วงนี้ อย่าให้การเมืองมาแทรกแซงจนทำให้บ้านเมืองเสียหาย ถ้าเราตัดสินใจเปลี่ยนแปลงโดยไม่รอบคอบและขาดสติ  @

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น