“Digital disruption! นามบัตรกระดาษกำลังจะหายไป?”

ในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป สามารถเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยโทรศัพท์มือถือ การทำธุรกิจก็ใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น

ทินกร เหล่าเราวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นายเน็ต จำกัด และนายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย
กล่าวว่า มีหลายธุรกิจที่เรานึกไม่ถึงว่าซอฟต์แวร์จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เช่น คลินิกทันตกรรม ที่ในอดีต
จะเก็บข้อมูลเป็นกระดาษใส่แฟ้มเก็บในตู้เอกสาร การใช้ประโยชน์จะไม่สะดวก เมื่อเปลี่ยนเป็นดิจิทัล
จะประหยัดพื้นที่ บรรจุข้อมูลได้มหาศาล ประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากข้อมูลก็สูงขึ้น รวมถึงเรื่อง
การนัดหมายคนไข้ ซอฟต์แวร์จะช่วยเปลี่ยนกระบวนการพวกนี้ให้ทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทินกร เหล่าเราวิโรจน์

กลุ่มร้านอาหารก็มีปัญหาโดนพนักงานโกงเป็นปัญหาอันดับหนึ่ง ถ้าระบบบริหารจัดการที่ร้านไม่ดี ก็จะมีจุดที่ทำให้เงินรั่วไหลได้ แต่ถ้าใช้ซอฟต์แวร์เข้าไปควบคุม ก็จะแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะจะทำให้รู้สถานะว่า โต๊ะไหนว่าง โต๊ะไหนมีลูกค้านั่ง โต๊ะไหนรอเรียกเก็บเงิน หรือออกใบเรียกเก็บเงินแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินกลับมา นอกจากนี้ ยังช่วยคิดเรื่องส่วนลดต่างๆ ทั้งส่วนลดจากบัตรเครดิต หรือส่วนลดจากการเป็นสมาชิก

ร้านค้าปลีกจะพบปัญหา Dead stock อยู่เต็มร้านไปหมด ของบางอย่างอยู่มาเป็นปีจนหมดอายุแล้ว ก็ยังไม่ได้ขาย จึงต้องใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยบริหารจัดการ ว่าสินค้าเข้ามาเมื่อไร สินค้าตัวไหนที่ต้องทำโปรโมชั่น เมื่อมีระบบแล้ว มาคำนวณเรื่อง Inventory จะพบว่ามูลค่าของของที่อยู่ในร้านสูงเป็น 6 เท่า 10 เท่า ของยอดขายต่อเดือน หมายความว่าต่อให้ไม่สั่งของเลย ก็อยู่ได้สบายๆ 3-4 เดือน ก็ช่วยลดค่าใช้จ่าย

เมื่อถามว่าซอฟต์แวร์พวกนี้ราคาแพงหรือไม่ ทินกร กล่าวว่า คำว่า”แพง”ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายแล้วอยู่ที่มันคุ้มค่าหรือไม่ ซอฟต์แวร์ที่เราเห็น มีตั้งแต่หลักหมื่น หลักพัน หลักแสน หรือหลักล้านก็มี คนที่ซื้อหลักล้าน เพราะว่าสเกลเขาใหญ่ ดังนั้น เราต้องศึกษาและเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมและตอบโจทย์ในสิ่งที่ตรงกับความต้องการของร้านเรา ถ้ามันช่วยให้ประหยัดเงินและป้องกันการทุจริตได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าและได้มากกว่าค่าซอฟต์แวร์ที่ต้องจ่ายไป

ส่วนเรื่องนามบัตรดิจิทัลนั้น ทินกร กล่าวว่า ในปีหนึ่งมีการผลิตนามบัตรกระดาษทั่วโลกนับหมื่นล้านใบ และ
ประมาณ 80% ของนามบัตรที่แลกไป ภายใน 1 สัปดาห์ คนที่รับนามบัตรไปก็จะเอาไปทิ้ง และปัจจุบัน
คนจะนิยมติดต่อกันทางไลน์ หรือ เฟซบุ๊กเมสเสจมากกว่า ซึ่งในนามบัตรกระดาษ บางครั้งก็ไม่ได้ใส่ข้อมูล
เหล่านี้เข้าไป แต่ในนามบัตรดิจิทัลสามารถใส่ทุกอย่างได้หมดเลย สแกนทีเดียวได้ครบทั้ง ไลน์ เฟซบุ๊ก เบอร์โทร อีเมล
รูปภาพ เป็นระบบคิวอาร์โค้ดในโทรศัพท์มือถือ

แอปพลิเคชั่น YourQR นอกจากจะเป็นนามบัตรดิจิทัลแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการสแกนคิวอาร์โค้ดด้วย
คือสามารถสแกนนามบัตรของคนที่เราจะแลก แล้วยังสแกนคิวอาร์โค้ดทั่วไปได้ แต่จะแตกต่างจากตัวโปรแกรม
สแกนคิวอาร์โค้ดทั่วไป คือ YourQR จะเก็บประวัติให้เราด้วยว่าไปสแกนอะไรมาบ้าง หรือสแกนพวกไฟล์พีดีเอฟ

สำหรับบุคคลธรรมดา สามารถดาวน์โหลดแอป YourQR ได้ฟรี ทั้งแอนดรอยด์ และไอโอเอส ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที
ก็สามารถเซ็ตอัพนามบัตรได้เลย หลังจากใส่ข้อมูลของเราเรียบร้อยแล้ว แอปก็จะสร้างคิวอาร์นามบัตรให้เรา
เมื่อเรามีนามบัตรแล้ว เวลาอยากจะให้นามบัตรใคร เราก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขาสแกนได้เลย ส่วนนามบัตรกระดาษ
ตนเองก็ใส่คิวอาร์เข้าไปด้วย เพื่อให้คนที่รับนามบัตรกระดาษไปสแกนข้อมูลได้

ส่วนบริษัท ทินกรบอกว่าจะมีเซอร์วิสอีกแบบหนึ่ง คือจะดีลเป็นองค์กรเลย สมมติพนักงานบริษัทเป็นเซลส์
ไปแลกนามบัตรกระดาษกับลูกค้า บริษัทก็จะไม่รู้เลยว่าพนักงานแจกนามบัตรบ่อยแค่ไหน แต่ตัวคิวอาร์เราใส่
เทคนิคไปอย่างหนึ่ง ที่สามารถวัดได้ว่าคิวอาร์นั้นมีคนสแกนหรือไม่ และคิวอาร์ของเราจะต่างจากคิวอาร์ทั่วไป
ที่เราจะเก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ ในแง่องค์กรเขาสามารถจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้ได้ เขาจะรู้พฤติกรรมการทำงาน
ของพนักงาน ความถี่ในการทำงาน ในการแลกนามบัตร รู้จำนวนครั้งที่สแกน และรู้ว่าคนที่สแกนเป็นใคร
ซึ่งบริษัทสามารถนำไปทำ CRM ได้

ในอนาคตแต่ละบริษัทจะรู้ว่าพนักงานแต่ละคนไปดีลกับใครมาบ้าง แลกนามบัตรกับใครมาบ้าง ได้ข้อมูลการติดต่อ
ถ้าเซลส์ออกจากบริษัท ที่ผ่านมาเขามักจะเอาลูกค้าออกไปด้วย แต่ถ้าบริษัทได้ข้อมูลทุกครั้งที่พนักงานไปแลก
นามบัตรดิจิทัล เมื่อพนักงานออกไป ข้อมูลลูกค้าก็ยังอยู่กับบริษัท บริษัทสามารถให้เซลส์คนใหม่ไปดูแลลูกค้าต่อได้

“เมื่อเทียบกับนามบัตรกระดาษ นามบัตรดิจิทัลจะถูกกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า เชื่อว่าพฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งคนจะไม่อยากได้นามบัตรกระดาษ และเทรนด์นามบัตรกระดาษในอนาคตจะลดลง”

ทินกร กล่าวว่า เริ่มทำโปรเจกต์นามบัตรดิจิทัลเมื่อปลายปีที่แล้ว ในระหว่าง 1 ปีที่ผ่านมา ได้พยายามศึกษา
พฤติกรรมผู้ใช้ ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีคนใช้ เชื่อว่าเทรนด์นามบัตรดิจิทัลจะมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้มีคนโหลดประมาณ 1 หมื่นคน ซึ่งก็ค่อนข้างพอใจ เพราะไม่ได้มีการโปรโมทมากมายนัก และยังอยู่ในช่วง
ศึกษาพฤติกรรม เราเรียนรู้ตลอด เดี๋ยวนี้เวลาเวลาทำแอป ทำซอฟต์แวร์ เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาว่า
เขาเอาไปใช้อะไร ทำอะไร ทำแบบไหน คนชอบอะไร แล้วเราก็พยายามเพิ่มเติมในสิ่งที่เขาน่าจะชอบมากขึ้น @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น