เอกชนเสนอฟื้น กรอ.ดันตั้งกองทุนนวัตกรรม กลไกผลักดันเศรษฐกิจโต

กองทุนนวัตกรรม

กกร.ผลักดันประชุม กรอ. และเตรียมเสนอหนังสือปกขาวยื่นข้อเสนอ 3 สถาบันให้นายกฯ เสนอตั้งกองทุนนวัตกรรมช่วย SME ให้รัฐลดหย่อนภาษี 3 เท่าให้เอกชนที่ช่วยลงขัน

หลังจากเมื่อวานนี้ ที่ประชุมรัฐสภาได้ลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ก็คงต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลชุดใหม่ทำงานก่อนสัก 6 เดือน แล้วค่อยประเมินกัน เพราะแม้จะเป็นซีอีโอหน้าเก่า แต่เขาก็มีทีมงานชุดใหม่ อะไรที่มีปัญหาหรือข้อผิดพลาดในอดีต เขาก็ต้องพยายามแก้ไข เพราะทุกคนก็มีการประเมิน มีการพูดในเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งก็น่าเห็นใจรัฐบาลใหม่

เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่ามันมีผลกระทบจากภายนอกค่อนข้างเยอะ เรื่องของสงครามการค้าก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมองไม่เห็นหนทางที่จะจบลงง่ายๆ ก็ส่งผลกระทบด้านการส่งออกโดยรวมของเรา เรื่องจีดีพี แต่ก็ยังมีโอกาส เพราะรัฐบาลก็ทราบปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ข้างล่างเยอะ

เรื่องเกษตร SME รัฐบาลต้องหาแนวทางแก้ไขตรงจุดนี้ ถ้าภายในประเทศมั่นคง กำลังซื้อดีขึ้น ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แม้การส่งออกจะตกลงบ้าง มันก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลลดลง แต่สิ่งสำคัญคือรายได้ประชาชนต้องดีขึ้น และความจริงแล้วชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งพาสินค้าเกษตร ทำอย่างไรให้สินค้าเกษตรเราได้ราคามากขึ้น ต้นทุนภาคการเกษตรลดลง ผลิตผลสามารถสร้างผลกำไร เพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรมากขึ้น

ผลักดันประชุม กรอ. เตรียมสมุดปกขาวเสนอความเห็น 3 สถาบัน ยื่นนายกฯ

ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ได้แก่ ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เมื่อวานนี้ “สุพันธุ์” กล่าวว่า มีการประเมินเศรษฐกิจโดยรวมว่าเป็นอย่างไร ทั้งภายนอกและภายใน และเราพยายามที่จะผลักดันให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นมากขึ้น โดยอยากจะผลักดันให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ. ขึ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

และมองว่า กรอ.ส่วนกลางควรมี 2 คณะ โดยชุดใหญ่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและเอกชนประชุมร่วมกัน ดูปัจจัยโครงสร้างใหญ่ๆ ที่ต้องปรับ แล้วเราอยากให้มีอีกคณะหนึ่งเป็นคณะที่สามารถแก้ปัญหาที่เป็นเรื่องเล็กๆ รองลงมา อาจมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน มีข้าราชการที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกับภาคเอกชน แก้ไขปัญหาเร่งด่วนต่างๆ ที่เป็นปัญหาปลีกย่อยที่เข้ามากระทบ ก็อยากให้มีการประชุมสัก 3-4 เดือน/ครั้ง จะทำให้เอกชนกับรัฐบาลทำงานร่วมกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมสมุดปกขาวที่รวบรวมความคิดเห็นทั้ง 3 สถาบัน ยื่นให้นายกรัฐมนตรีหลังตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จแล้ว โดยจะยื่นข้อเสนอที่เราอยากเห็น อยากให้รัฐบาลสนับสนุน และอยากให้มีการพัฒนาร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล

ต้องหาโอกาสจากวิกฤตสงครามการค้า เร่งดำเนินการเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ฝ่ายอุตสาหกรรมจะเน้นหนักเรื่องเมดอินไทยแลนด์ เพื่อผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่นิยมในประเทศและภาครัฐด้วย เพราะการแข่งขันทางด้านการค้าค่อนข้างรุนแรง ก็ต้องให้คนไทยหันมาใช้ของไทยมากขึ้น ซึ่งวันนี้สินค้าไทยเราได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับจากตลาดโลกมากมาย ทั้งอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนเรื่องสงครามการค้าเราก็ต้องรอดูต่อไป

ซึ่งข้อเสนอพิเศษก็คือเราต้องหาโอกาสจากวิกฤตตรงนี้ เช่น โอกาสการลงทุนที่ต้องย้ายฐานการผลิตที่มีโอกาสมาลงทุนในไทยมากขึ้น หลังมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง การเจรจาด้านการค้า เอฟทีเอ กับประเทศต่างๆ ก็ควรเริ่มทำต่อเนื่อง ไม่ว่ากับสหภาพยุโรป อินเดีย ประเทศในเอเชียใต้ ก็ต้องรีบดำเนินการเพื่อทำให้มีโอกาสขยายธุรกิจเราต่อไป ซึ่งโอกาสการลงทุนมีเยอะ

โดยเฉพาะสินค้าที่เราต้องแข่งกับจีนโดยตรง เราก็มีโอกาสอยู่แล้ว เพราะจีนถูกขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ และหลายๆ ประเทศก็เริ่มสนใจมาหาเราเยอะ แต่ว่าการลงทุนนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ซึ่งมันต้องใช้เวลา ในส่วนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตอนนี้ยอมรับว่าไม่ค่อยดี เพราะเราส่งไปประกอบสำเร็จรูปที่จีนเยอะ พอจีนถูกกดดัน ตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็ลดลง

จากตัวเลขการส่งออกเมื่อเดือนที่แล้ว หรือ 4 เดือนแรกของปีนี้ เห็นเลยว่าตัวเลขลดลงค่อนข้างเยอะ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันเป็นปัจจัยของเศรษฐกิจโลก และการตกลงของการส่งออกไม่ใช่เฉพาะไทยประเทศเดียว แต่ทุกประเทศลดลงหมด ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์

กองทุนนวัตกรรม

เสนอตั้งกองทุนนวัตกรรมช่วย SME ให้รัฐลดหย่อนภาษี 3 เท่าให้เอกชนที่ช่วยลงขัน

“สุพันธุ์” กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็นประธาน ส.อ.ท. ได้ทำเรื่อง Industry Transformation เพื่อให้ทุกอุตสาหกรรมที่โดนดิสรัปได้รับการกระตุ้น โดยมีการจัดสัมมนาใหญ่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว เชิญกูรู นักวิชาการจากทั่วโลกที่มีความคิดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์ลูป ไบโอเทค ไอรอนแมนที่บินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เขารู้ว่าเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนไปเยอะในทุกอุตสาหกรรม

ซึ่งกรรมการเราทุกคนเข้าไปฟังเพื่อให้เห็นว่าเทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนใหม่ เราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง หลังจากนี้เราก็คงต้องมาคุยเรื่องนวัตกรรม เรื่องการเตรียมการทั้งหลายเพื่อให้คนของเราตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเราจะนำเสนอรัฐบาลใหม่เรื่องการตั้งกองทุนนวัตกรรม

เพราะวันนี้ SME ต้องพึ่งนวัตกรรม เนื่องจากสินค้าที่จะอยู่ในตลาดโลกได้ในวันข้างหน้าคือ ต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นวัตกรรมแปลกๆ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค หรือการแก้ไขเรื่องประสิทธิภาพการผลิตที่ต้องพึ่งนวัตกรรม

ซึ่งเรามองว่ากองทุนนี้ควรจัดตั้งโดยเอกชน ใช้เงินเอกชน และผลักดันโดยเอกชน เพียงแต่รัฐบาลต้องให้โอกาสเอกชนที่สนับสนุนหรือบริจาคให้กองทุนนี้ ได้หักลดหย่อนภาษี 3 เท่า ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายว่าใครทำเรื่องนวัตกรรมได้ลดหย่อนภาษี 3 เท่าอยู่แล้ว แต่วันนี้ มันแทบเบิกกันไม่ได้ เพราะกองทุนต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาจะเบิกยากมาก และมีข้อจำกัดเยอะมาก มีกติกา ทุกคนกลัวเรื่องการใช้จ่ายผิดประเภท มีการตรวจสอบเยอะ คนอนุมัติก็ไม่กล้า กลัวโดนสอบ โดนร้องเรียน โดนฟ้อง ทำให้การขับเคลื่อนลำบาก

แต่ถ้ากองทุนนวัตกรรมนี้ดูแลโดยเอกชน และไม่ได้ใช้เงินของรัฐด้วย จะเบิกจ่ายง่ายกว่า และเราก็จะรู้ว่าเอกชนคนไหนของเราไปรอดหรือไม่รอด กองทุนนี้จะดูแลเฉพาะ SME อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่บริษัทใหญ่ และไม่ใช่เครือของบริษัทใหญ่

ประธาน ส.อ.ท.ยังฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า อยากให้รัฐบาลตั้งใจำงานเพื่อส่วนรวมจริงๆ แล้วก็ปราศจากคอร์รัปชั่น เพราะคอร์รัปชั่นทำให้เรามีปัญหาในการผลักดันในหลายๆ โครงการ ถ้าทำงานด้วยความโปร่งใส และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติ ตนเองเชื่อว่าไปได้แน่นอน @

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น