“ไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง” เรื่องชวนแปลกใจ(ไหม)ในอิตาลี?

เมื่อเร็วๆนี้ ในแฟลตฟอร์มโซเชียลมีเดียดังอย่างอินสตาแกรมและติ๊กต็อก มีคลิปวิดีโอชุดหนึ่งถูกแชร์และคอมเม้นต์กันมากทีเดียว เป็นภาพหญิงสาวใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินอมฟ้าที่เป็นอัตลักษณ์ประเทศอิตาลี ไปยืนชูป้ายกระดาษ มีข้อความว่า “Please No Cappuccino after 12pm” แปลก็เป็นไทยก็ประมาณว่า “กรุณาไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง”  ตรงบริเวณน้ำพุแห่งสี่มหานที ใจกลางจัตุรัสนาโวน่า ซึ่งเป็นแลนมาร์คหนึ่งของกรุงโรม ที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศแวะเวียนไปเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน

คลิปชุดนี้ยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอิตาลีที่นำไปลงเป็นข่าวในทำนองว่า มีหญิงสาวถือป้ายกรุณาไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง เดินทอดน่องจากวิหารแพนธีออนไปยังจัตุรัสนาโวน่า ปรารถนาให้ “นักท่องเที่ยวต่างประเทศ” ได้อ่านข้อความดังกล่าว ปรากฎว่าไอเดียของเธอได้รับเสียงปรบมือจากชาวโรมและพนักงานเสิร์ฟตามร้านรวงต่างๆ และมีนักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปกันด้วยหลายราย

สื่อแดนมะกะโรนีรายงานด้วยว่า การถือป้ายลักษณะนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในกรุงโรม เมืองหลวงอิตาลี

ธรรมเนียมในอิตาลี ไม่นิยมดื่มกาแฟคาปูชิโน่หลังอาหารมื้อเที่ยง ภาพ : Taylor Franz on Unsplash

ผู้เขียนพอเห็นคลิปดังกล่าวก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า จุดประสงค์ของหญิงสาวในชุดเสื้ออัซซูรี่คนนี้คืออะไร แค่ต้องการสื่อให้รู้ว่าไม่อยากให้ดื่มกาแฟผสมนมอย่างคาปูชิโน่แค่นั้นหรือ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรซ่อนไว้มากกว่านี้หรือไม่ แต่ไม่มีข้อมูลให้สืบค้นมากไปกว่านี้ กลับไปพบว่า ในอินสตาแกรมของ romeitalytravel” ซึ่งนำคลิปไปลงไว้ด้วย มีคนเข้าไปกดไลค์ถึง 560,000 ไลค์ และแสดงความคิดเห็นกันมากกว่า 7,000 คอมเม้นต์  เมื่อถึงวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา

คอมเม้นต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจำนวนมากนี้มาจากทั้งชาวอิตาลีเองและชาวต่างประเทศที่บางคนบอกว่าขณะส่งความคิดเห็นเข้าไปในอินสตาแกรมก็อยู่ในกรุงโรมด้วย มีทั้งการให้คำอธิบายและการตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อความ…กรุณาไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง มีบุลลี่กันบ้างพอหอมปากหอมคอแต่ก็รุนแรงอะไรนัก  แต่ขอปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นดีกว่า เราลองมาดูกันว่ามีคอมเมนต์ลักษณะไหนกันบ้าง

-ไม่ใช่คนอิตาเลี่ยน สงสัยว่าทำไมต้องเซย์โนกับคาปูชิโน่หลังเที่ยงด้วย ไม่เข้าใจ?

-เป็นชาวอิตาเลี่ยน ปกติฉันก็ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง หยุดบอกคนอื่นว่าต้องทำอะไรได้แล้ว ขอบคุณมาก!

สำหรับชาวอิตาเลี่ยนแล้ว การกินการดื่มถือเป็นวัฒนธรรม คาปูชิโน่เป็นเครื่องดื่มสำหรับอาหารมื้อเช้า ไม่ดื่มกันหลังอาหารมื้อเที่ยง มันเกี่ยวข้องกับระบบการย่อยอาหารนั่นแหละ 

-สำหรับฉันดื่มคาปูชิโน่ได้ทุกเวลา แล้วฉันก็เป็นคนอิตาเลี่ยนด้วย ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการดีกว่าไหม?

-คุณมีขนบธรรมเนียมของคุณ เรา(ชาวต่างประเทศ)ก็มีขนบธรรมเนียมของเราเอง

-ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นสิ่งที่ชาวอิตาลีทุกคนรู้ดี แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่อาจไม่รู้

คลิปสาวยืนถือป้าย “Please No Cappuccino after 12pm” ใจกลางย่านท่องเที่ยวในกรุงโรม ภาพ : instagram.com/romeitalytravel

แม้อาจชวนให้เกิดความรู้สึกแปลกใจในชาวต่างชาติ แต่เป็น “ธรรมเนียม” ในอิตาลี การไม่สั่งคาปูชิโน่หลังมื้อเที่ยง มีรากฐานมาจากวิถีและความเชื่อว่าเครื่องดื่มชนิดนี้เหมาะที่สุดสำหรับตอนเช้า เป็นบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่เช่นเดียวกับวัฒนธรรมอื่นๆ

แล้วก็เป็นที่ทราบกันดีกว่าอิตาลีนั้นเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลก แต่ละจานแต่ละแก้วแต่ละเสิร์ฟที่มักจะเน้นด้วยคีเวิร์ดว่า”ของแท้” และ“ดั้งเดิม”ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เอาเฉพาะแค่เครื่องดื่มกาแฟซึ่งอิตาลีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ต้อนรับกาแฟจากตุรกีและโลกอาหรับ ก็ล้วนสร้างสรรค์ขึ้นจากประเทศนี้แทบทั้งนั้น

ลองเดินเข้าไปในร้านกาแฟสากลก็จะเห็นสูตรกาแฟมาตรฐานระดับ “ดาวค้างฟ้า” มากมาย ทั้งเอสเพรสโซ่, คาปูชิโน่, คัฟเฟ ลาเต้, เชคเกอราโต้, มัคคาอิโต้ และฯลฯ

ชาวอิตาลีมักดื่มคาปูชิโนคู่กับพายหรือครัวซองต์ เป็นอาหารมื้อเช้า ภาพ : Fabian Blank on Unsplash

เพื่อนผู้เขียนที่ทำทัวร์ท่องเที่ยวอยู่ในอิตาลี เล่าให้ฟังจากประสบการณ์จริงว่า ชาวอิตาลีมีธรรมเนียมการดื่มการกินที่ค่อนข้างเคร่งครัดและปฏิบัติสืบเนื่องกันมา แต่ไม่ได้ระบุไว้อย่างเป็นทางการ คือรู้ๆ กันในหมู่คนท้องถิ่น อย่างเครื่องกาแฟนั้นนักท่องเที่ยวต้องศึกษามาให้ดีก่อนว่า จะสั่งเมนูอะไร, จะสั่งว่าอย่างไร และจะสั่งมาดื่มตอนไหน เนื่องจากชื่อสูตรกาแฟตามบาร์กาแฟในอิตาลีกับในต่างประเทศไม่เหมือนกันนัก มิเช่นนั้นแล้ว อาจได้เมนูผิดฝาผิดตัวมาดื่มก็เป็นได้

แล้วเรื่องธรรมเนียมการกินการดื่มนี้ คนรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ได้ “เคร่งครัด” เหมือนคนรุ่นก่อนๆ

หนึ่งในธรรมเนียมการดื่มกาแฟที่เรามักได้ยินบ่อยๆได้ฟังก็คือ คนอิตาเลี่ยนจะดื่มคาปูชิโน่หลังมื้อเช้า และดื่มเอสเพรสโซ่หลังมื้อเที่ยง โดยจะไม่ดื่มกาแฟใส่นมอย่างคาปูชิโน่หลังมื้อเที่ยงที่กินเวลาตั้งแต่ 11.00 น.ไปจนถึง 13.00 น. ทำให้ผู้เขียนมั่นใจว่าต้องมีเหตุมีผลอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใต้วิถีความคุ้นชินนี้แน่ๆ

เอสเพรสโซ่ กาแฟรสเข้มข้น มักเป็นเครื่องดื่มหลังจบอาหารมื้อเที่ยงในอิตาลี ภาพ : pexels.com

เข้าไปอ่านจากเว็บไซต์อาหารการกินของอิตาลี ก็ได้รับคำตอบว่า “คาปูชิโน่” ถือเป็นเครื่องดื่มยามเช้าตามธรรมเนียม ทำจากเอสเพรสโซ่, นมร้อนที่ผ่านการสตีม และโฟมนม มักจะดื่มคู่กับขนมปังอบพวกพายเพสตรี้หรือครัวซองต์ในมื้อเช้า ซึ่งเดิมทีนั้น คาปูชิโน่นิยมดื่มโดยกลุ่มคนทำงานที่ต้องการอาหารเช้าที่สะดวกและรวดเร็ว จึงมักสั่งกาแฟผสมนมและเบเกอรี่ไปกินระหว่างเดินทางไปทำงาน เพราะอร่อย อิ่มท้อง แถมช่วยให้ตื่นตัวอีกต่างหาก

ส่วนเหตุผลที่ทำไมไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังมื้อเที่ยงนั้น ก็เป็นเพราะว่า  ในอิตาลี อาหารเที่ยงจัดเป็นอาหารมื้อหนัก บริโภคกันแบบจัดเต็ม ต่างไปจากช่วงเช้าที่เป็นมื้อเบาๆ ดังนั้น หากดื่มกาแฟที่ใส่นมปริมาณมากหลังอาหาร อาจนำไปสู่อาการท้องอืด, จุกเสียด หรือท้องเสีย ในรายของผู้สูงอายุอาจเกิดอาการอาหารไม่ย่อย เนื่องจากร่างกายย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้น้อยลง ดังนั้น เครื่องดื่มที่เหมาะสมมากกว่าก็คือ “เอสเพรสโซ่” หรือ “มัคคิอาโต้” ที่มีนมเพียงเล็กน้อย

ฟังดูแล้วธรรมเนียมหรือความคุ้นชินนี้น่าจะเกิดจากหลักโภชนาการชัดๆ คือ ไม่กินมื้อเช้าหนัก เพียงมีแค่ขนมปังหรือครัวซองต์ 1-2 ชิ้น จึงเลือกดื่มกาแฟใส่นมเพื่อเพิ่มพลังงาน ส่วนอาหารมื้อกลางวันเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นความคิดที่จะดื่มกาแฟใส่นมหลังอาหารมื้อใหญ่จึงไม่ค่อยเข้าท่า ไม่อยากหนักท้องเพิ่มอีก จึงเลือกดื่มกาแฟเข้มๆ อย่างเอสเพรสโซ่แทน  ส่วนกาแฟหลังมื้อค่ำก็มักจะเป็นเมนู “คัฟเฟ่ คอร์เร็ตโต้” ค็อกเทลกาแฟผสมบรั่นดี

กาแฟมัคคาอิโต้ เป็นอีกทางเลือกสำหรับดื่มหลังจากอาหารมื้อกลางวัน ภาพ : Gabriella Clare Marino on Unsplash

ธรรมเนียมการดื่มกาแฟในแดนมะกะโรนีไม่ได้บัญญัติเป็นกฎหมาย กฎเกณฑ์  หรือกฎกติกาที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม และชาวอิตาเลียนจำนวนมากโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จะสั่งคาปูชิโน่มาดื่มในเวลาใดก็ได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับ แล้วคาเฟ่หรือบาร์กาแฟสมัยใหม่ก็พร้อมเสิร์ฟตลอดเวลาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในร้านกาแฟแบบดั้งเดิมที่เรียกกันว่าคอฟฟี่เฮ้าส์ รวมไปถึงร้านอาหารอิตาลีขนานแท้ การสั่งคาปูชิโน่มาดื่มหลังมื้อเที่ยงหรือหลังมื้อค่ำ อาจถูกมองด้วยสายตา “แปลกๆ” หน่อยเท่านั้นเองจากพนักงานเสิร์ฟและคนชงเครื่องดื่ม

ประเด็นนี้มีแง่มุมให้ขบคิดเพิ่มเติมจาก “เจมส์ ฮอฟฟ์แมน” ยูทูบเบอร์สายกาแฟปากกล้า อดีตแชมป์บาริสต้าโลกปี 2007  ที่ทำคลิปเผยแพร่เอาไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ฮอฟฟ์แมน แชร์ไอเดียไว้ว่า เพราะวัฒนธรรมกาแฟฝังรากลึกมานานในอิตาลี เมื่อนักท่องเที่ยวไปที่บาร์กาแฟ จึงอาจเจอเข้ากับกฎที่ไม่ได้เขียนไว้หลายข้อ  เช่น การหลีกเลี่ยงคาปูชิโน่หลัง 11 โมงเช้า นั่นเป็นเพราะชาวอิตาเลียนจำนวนมาก “แพ้น้ำตาลแลคโตสในนม”  ซึ่งการแพ้แลคโตสนี้ ทำให้เกิดภาวะท้องร่วงและอาหารไม่ย่อย เนื่องจากร่างกายดูดซึมแลคโตสได้ไม่ดี

“รู้กันดีอยู่แล้วว่า ชาวยุโรปตอนใต้มีพันธุกรรมที่สามารถผลิตน้ำย่อยสำหรับย่อยแลคโตส ต่ำกว่ากลุ่มทางตอนเหนืออย่างเห็นได้ชัด มีงานวิจัยในอิตาลีแสดงให้เห็นว่า คนอิตาลีแพ้แลคโตสมากกว่าในประเทศอื่น ๆ และคนที่แพ้แลคโตสทางตอนเหนือมีจำนวนน้อยกว่าทางตอนใต้” ฮอฟฟ์แมน พูดไว้ตอนหนึ่งในคลิปยูทูบ

ชื่อเรียกกาแฟบางเมนูในอิตาลี แตกต่างไปจากประเทศอื่นๆ ดังนั้น ก่อนเข้าร้านควรทำการบ้านมาให้ดีๆ เพื่อกันพลาด ภาพ : Tony Lee on Unsplash

ผู้เขียนไปเปิดดูข้อมูลจากเว็บไซต์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบว่า อาการแพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose intolerance) เกิดจากการย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ เป็นอาการทางเดินอาหารหลังจากดื่มนมวัว หรือบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมวัว พบมากในผู้ใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น

เจอข้อมูลตรงนี้ ถึงบางอ้อ…เลย มิน่าเล่าตอนดื่มกาแฟใส่นมมากๆหลังอาหาร ผู้เขียนจึงมีอาการท้องอืด รู้สึกแน่นท้องมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะน้ำตาลแลคโตสไม่ย่อยโดยทางพันธุกรรม หรือว่าเข้าข่ายสูงวัยเป็นสว.แล้วกันแน่

การไม่ดื่มคาปูชิโน่หลังเที่ยง ถือเป็น “ธรรมเนียม” ที่ปฏิบัติกันมานานในอิตาลี จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แน่นอนว่าประเทศอื่นๆ ก็มีธรรมเนียมการดื่มกาแฟที่แตกต่างกันออกไป แม้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัยและกาลเวลา แต่ทุกธรมเนียมย่อมมีเหตุมีผลรับรองในตัวเอง

ไม่รู้-ไม่เชื่อ อย่าไปลบหลู่เข้า เดี๋ยวจะเกิดอาการขัดเคืองใจกันไปเปล่าๆ… ก็ขอจบง่ายๆ แบบนี้แหละครับ


facebook : CoffeebyBluehill

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น