ซิสต้าร์ เอสเอ็มอีไทย แจ้งเกิด 5 ปี ทำยอดขายทะลุ 200 ล้าน ช่องทางหลักขายใน 7-11

สัมภาษณ์ คุณสมหญิง กรอบเพ็ชร กรรมการบริษัท เบสท์ แอนด์ บิลเลี่ยน บิวตี้ จำกัด เจ้าของแบรนด์ ซิสต้าร์ (SISTAR)

โดย ดร.นงค์นาถ ห่านวิไล

เป็นเรื่องน่าติดตามยิ่ง กับเรื่องราวของ แบรนด์ ซิสต้าร์ (SISTAR)  เอสเอ็มอี ด้านความงาม เครื่องสำอาง ทำอย่างไรให้ธุรกิจโตอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดได้รับรางวัล เอสเอ็มอียั่งยืน จากทาง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ  7-eleven อีกด้วย

smebiznews.com สัมภาษณ์ สมหญิง กรอบเพ็ชร กรรมการบริษัท เบสท์ แอนด์ บิลเลี่ยน บิวตี้ จำกัด เจ้าของแบรนด์ ซิสต้าร์ (SISTAR)

ดร.นงค์นาถ : มองเห็นโอกาสอะไร และ เริ่มต้นธุรกิจด้านความงามได้อย่างไร

คุณสมหญิง : จริงๆ ต้องบอกว่าแรงบันดาลใจที่ทำแบรนด์ซิสต้าร์ ส่วนแรกต้องบอกว่า ตัวเองมีประสบการณ์เคยเป็นพนักงานเซเว่น มาก่อนเกือบ 5 ปี ตรงนี้ก็เลยเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เราเข้าใจในส่วนของตัว Culture เซเว่น เป็นอย่างดี ทำงานแบบไหน ติดต่อยังไง อันนี้เป็นส่วนแรกที่ทำให้เรามีความคล่องตัวมากขึ้น

ส่วนที่สอง คงต้องบอกว่า เพราะตัวเราเองเป็นผู้หญิง ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงเราไม่มีใครหยุดสวยแน่นอน ไม่ว่าอายุเท่าไหร่  และธุรกิจความงาม มีขนาดใหญ่มาก เราก็เลยเอามาผนวกกันในสองจุดนี้  และมองช่องทางขายใน 7-eleven  เป็น Modern Trade ที่มีสาขามากที่สุด ในประเทศไทย และคิดว่าการทำ “ครีมซอง” ถนอมผิว ขายในเซเว่น เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และตลาดมีขนาดใหญ่มากๆ

ดร.นงค์นาถ : โปรดักส์ ของซิสต้าร์  มีอะไรบ้าง

คุณสมหญิง : ซิสต้าร์ เน้นในส่วนของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ครีมซอง เรียกว่า เป็นซีรีย์ของจักรวาลแตงโม ใช้แตงโมเป็นส่วนผสม ส่วนที่สอง เป็นซีรีย์ ที่เรียกว่าจักรวาลยันต์กันฝ้า เป็นซีรีย์ที่เกิดจากส่วนผสมที่เป็น Natural ก็คือ หัวไชเท้า ตัวนี้ช่วยในเรื่องฝ้า เป็นครีมซองทั้งสองซีรีย์ ในส่วนของ Makeup มีลิปสติก ขายที่เซเว่น เป็นที่แรก เป็นแบบซอง ซื้อง่าย ขายคล่อง ทดลองใช้ได้เลย

ดร.นงค์นาถ : อัตราการเติบโต และ โอกาส ยังมีอีกมากมายแค่ไหน จะขยายตลาดอย่างไรต่อไป

คุณสมหญิง : จริง ๆ ต้องบอกว่าธุรกิจความงาม  ไม่ว่าจะเป็นแบบ Home Use ไม่เคยหยุดนิ่ง ผู้หญิงยังคงเสาะแสวงหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองสวยขึ้น และก็สาวขึ้นตลอดเวลา เราก็มองว่าธุรกิจตรงนี้ ยังสามารถที่จะ Go on ไปได้เรื่อยๆ และสิ่งที่เราโฟกัส คืออยากจะขยายไลน์สินค้า พัฒนาสินค้าให้เป็นสินค้าสำหรับคนไทย และจะขายสินค้าในราคาที่เป็นมิตรกับคนไทย ส่วนอนาคตจะขยายไลน์สินค้าที่มีไซส์ใหญ่มากขึ้นด้วย

ดร.นงค์นาถ : ที่บอกว่า“จะขายสินค้าในราคาที่เป็นมิตรกับคนไทย”ราคา หรือ pricing ของสินค้ากำหนดไว้อย่างไรบ้าง

คุณสมหญิง : ตอนนี้ราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่เป็นแบบซอง เราขายแค่ 39 บาทต่อซอง ที่ขายดีที่สุดจะเป็น EE แตงโม  39 บาท ซองสีแดง ๆ มีขายในเซเว่น ส่วนราคาแพงสุด ก็เรียกว่าไม่แพงเลย เป็นตัวที่เป็นแบบหลอด ในราคาเพียงแค่หลอดละ 179 บาท ในเซเว่นสินค้าของซิสต้าร์จะขายไม่เกิน 200 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้แล้ว

ดร.นงค์นาถ: เท่าที่ฟังมา คุณสมหญิง นับว่าเป็น เอสเอ็มอี ที่เชี่ยวชาญการขายสินค้าใน 7-11 ขอให้ช่วยแนะนำถ่ายทอดหน่อยว่า ทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จในช่องทางนี้

คุณสมหญิง : คือเราต้องวางแผนธุรกิจอย่างละเอียด ตั้งแต่การสร้างแบรนด์ คอนเซ็ปต์เราเป็นแบบนี้ พัฒนาสินค้าโดยจับเทรนด์ ลูกค้าอยากได้อะไรในช่วงนี้ โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด ต้องจับเทรนด์ให้ได้ว่า ก่อนกับหลังโควิด ไม่เหมือนกัน ตอนนี้คุณจะเสนอขายสินค้าเหมือนก่อนช่วงโควิดไม่ได้แล้ว และหลังจากนั้น เราก็ทำการคัดเลือกโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ จัดซื้อกับทีมงานบริหารผลิตภัณฑ์ มีความมั่นใจว่าโรงงานที่เราใช้ได้มาตรฐาน GMP

หลังจากนั้น เราก็วางแผนการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นำทั้งหมดนี้ รวมถึงสินค้าตัวอย่างที่เราจะนำเข้าไปจำหน่ายเสนอว่า หน้าตาเราเป็นแบบนี้ การตลาดเราเป็นแบบนี้ ผลิตที่โรงงานนี้ และที่สำคัญต้องบอกว่า เราเองต้องทำตัวเราให้ถูกต้องตามกฎหมาย

อุตสาหกรรมสกินแคร์ ก็คือต้องมีเลขที่จดแจ้ง เข้าสู่ระเบียบของ อย. นำทั้งหมดนี้ที่เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้อง เสนอกับทีมงาน 7-eleven เขาก็จะมีในส่วนของ Product Committee ก็เข้าเสนอว่าตัวนี้ผ่านไหม หรือไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านเราจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง ตัวที่ผ่านก็สามารถลงสู่สาขาได้เลย นี่คือขั้นตอนของการเสนอสินค้าทั้งหมด

ดร.นงค์นาถ : นอกจากช่องทาง 7-11 มีจำหน่ายช่องทางใดอีกบ้าง

คุณสมหญิง : ต้องบอกว่าซิสต้าร์ เราขายในส่วนของช่องทาง Modern Trade เกือบจะทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Lotus BigC Jiffy  ฯลฯ และในส่วนของตัว Watsons หรือแม้กระทั่งร้านขายส่ง Makro เราก็มีขาย รวมถึงออนไลน์ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ ซิสต้าร์ ได้ที่ Shopee, lazada และที่สำคัญแม้กระทั่งร้าน Traditional หรือร้านยี่ปั๊วซาปั๊ว หรือว่าร้าน Beauty Shop ทั่วประเทศไทยสามารถซื้อสินค้าซิสต้าร์ได้แล้ววันนี้

ดร.นงค์นาถ : ทำอย่างไร อายุแบรนด์แค่  5 ปี เท่านั้นเอง แต่สามารถทำยอดขายได้ถึงหลัก 200 ล้านบาท

คุณสมหญิง : จริงๆ ต้องบอกว่า 200 ล้านได้มาจากหลัก ๆ อยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกต้องบอกว่าเป็นงานหน้าบ้าน หน้าบ้านก็คือ เริ่มตั้งแต่สำรวจตลาด ลูกค้าเป็นยังไง ต้องการสินค้าอะไร และคู่แข่งทำอะไร ขายอะไรและเราจะเอาสินค้าอะไรเข้าไปเสนอกับลูกค้า ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าเรา แทนที่จะซื้อสินค้าของแบรนด์อื่น อันนี้คืองานที่ต้องเรียกว่าใช้ความหนักหน่วง ความเข้มข้นในการทำงานมากในเรื่องของการออกสินค้า

และตอนนี้เป็นเรื่องของเทรนด์ เทรนด์เปลี่ยนเร็วมาก ไม่เหมือนเดิม ทำยังไงล่ะ ตั้งแต่โควิดเกิดขึ้น และลูกค้าเป็นแบบ New Normal แล้วเราจะขายแบบไหน อันนี้คือเรื่องของเทรนด์ที่เปลี่ยนเร็ว และ SME ของเราไม่มีข้อมูล Support เหมือน Global brand เราก็ใช้วิธีการทำงานในการที่หาโอกาสในการขายสินค้าโดยช่องทางอื่น เมื่อเราเสนอสินค้าแล้ว ก็จะมาถึงงานหน้าบ้าน

ส่วนสำคัญต่อมา ก็คือการทำการตลาด ต้องบอกว่าการตลาดเราทำ 360 องศา ทั้งออฟไลน์และก็ออนไลน์ แต่เราจะเน้นหนักไปทางออนไลน์ ตอนนี้ออนไลน์ที่เรากำลังจะทำก็เน้นไปทางโซเชียลมีเดียทั้งหมด เน้น Content ที่เป็น Content Marketing

หลัก ๆ จะโฟกัสไปที่ Facebook และ Tiktok ปีนี้ Tiktok มาแรงมาก ๆ เราก็จะเน้น Content ที่เกิดความสนุกสนาน ให้ลูกค้ามีความเป็นมิตรกับแบรนด์ แต่ถ้าเป็นทาง Facebook เราก็สามารถทำการตลาดได้ทั้งตัวของภาพนิ่งหรือตัววิดีโอ หรือว่าตัวลิงก์

นอกจากนี้ งานหลังบ้าน เนื่องจากว่าสาขาเซเว่นเยอะมาก ๆ เราขายทุกสาขา ปัจจุบันเรามีอยู่ประมาณ 11 SKU ที่เซเว่นทุกสาขา ก็จะเป็นงานหลังบ้านที่หนักหน่วง ก็จะเป็นเรื่องของการบริหาร Stock เราก็จะต้องโฟกัสให้ทัน ว่าต้องผลิตแบบไหน ซอง ตัวสินค้า ตัวกล่อง

หรือแม้กระทั่งจุดเล็ก ๆ อย่างฝา หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องบริหารให้มีความ Concentrate และก็ใกล้ชิดมาก ๆ รวมถึงจำนวน Stock ที่ผลิตแต่ละรอบที่ขายให้กับเซเว่น  เพราะฉะนั้นตรงนี้ ก็จะเป็นเรื่องของการบริหาร Stock แล้วก็เสิร์ฟ Stock ให้ทันต่อความต้องการของทุกช่องทาง มีหลายส่วนประกอบกันนำไปสู่ยอดขายดังกล่าว

ดร.นงค์นาถ : ในส่วนของบริษัท ซีพี ออลล์ เจ้าของ 7-11  ช่วยเหลือหรือช่วยแนะนำอย่างไรบ้าง

คุณสมหญิง : ซิสต้าร์ มีวันนี้ได้เพราะ ซีพี ออลล์ ถ้าไม่มี ซีพี ออลล์ ก็จะไม่มีซิสต้าร์วันนี้ ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญของพนักงานซิสต้าร์แล้วก็พวกเราทุกคนมาก ๆ คือ เซเว่น ได้ให้โอกาส Supplier SME เล็ก ๆ อย่างเรา มากๆ ให้โอกาส ให้ความไว้ใจ ให้ในการเข้ามาทดลองขาย แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นไปตามระบบ ของเซเว่น ตรงนี้เป็นจุดที่พลิก ชีวิต SME อย่างเราที่เป็น Supplier เล็ก ๆ จนมีทุกวันนี้ได้

และสำคัญที่ทีมงานที่เราทำงานด้วยให้โอกาส ให้คำแนะนำ ต้องขอบคุณเซเว่นมาก ๆ ก็คือ ช่วงโควิดที่ผ่านมาทีมเซเว่นได้พิจารณาให้ Credit Term สำหรับ SME เป็นพิเศษ ก็คือลด Credit term ให้ ช่วยเหลือ SME เล็ก ๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ให้เราได้มีเงินหมุนเวียนที่เพียงพอ อันนี้คือช่วยมาก ๆ

ดร.นงค์นาถ : อนาคตของ ซิสต้าร์ วางไว้อย่างไร

คุณสมหญิง : ซิสต้าร์เองก็อยากจะเป็นแบรนด์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ครีมซองที่อยู่ใน TOP 5 อยากจะอยู่ในใจของผู้บริโภค ถ้านึกถึงครีมซองที่เป็นมิตร ก็อยากให้คิดถึงซิสต้าร์ เราเองเป็น SME เล็ก ๆ ที่อยากจะมีช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และให้ลูกค้าสามารถหาซื้อสินค้าเราได้ง่ายที่สุด

ที่สำคัญ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย อันนี้คือในใจของพี่น้องชาวซิสต้าร์


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น