สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมขับรถขึ้นเหนือไปจังหวัดตาก ระหว่างทางเห็น “คาเฟ่เคลื่อนที่” หรือ “รถกาแฟติดล้อ” จอดอบริเวณที่ว่างริมทาง คอยต้อนรับลูกค้าผู้สัญจรผ่านมาใช้บริการ แล้วก็ไม่ได้เห็นเพียงคันสองคัน แต่นับแล้วเกือบยี่สิบคันเห็นจะได้ ชัดเจนว่าธุรกิจร้านกาแฟเคลื่อนที่ซี่งมีจุดขายไม่ซ้ำใคร แถมย้ายทำเลง่าย กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากคอกาแฟบ้านเรา สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ อยากมีอิสระทางอาชีพ ไม่ปรารถนาเข้าไปติดกับดักต้นทุนที่สูงลิ่วในการเปิดร้านกาแฟแบบดั้งเดิม
คาเฟ่เคลื่อนที่ในเมืองไทย เป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงทีเดียวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถึงกับกับมีการจัดมหกรรมรถขายอาหารแบบเคลื่อนที่ ที่มีทั้ง “คอฟฟี่ทรัค” (coffee truck) และ “ฟู้ดทรัค” (food truck) มาหลายปีแล้ว ด้วยอาจเป็นเพราะปัจจัยในเรื่องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย, รูปแบบบริการโดนใจคนรุ่นใหม่ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอกาแฟอินดี้ ระยะหลังจึงพบว่าธุรกิจขาย “แฟรนไชส์” คาเฟ่เคลื่อนที่จึงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แล้วก็มีชื่อเรียกกันหลายชื่อ ตั้งแต่ คาเฟ่เคลื่อนที่, รถกาแฟติดล้อ, รถกาแฟเคลื่อนที่ ไปจนถึงโมบายล์ คาเฟ่ หรือเรียกทับศัพท์ว่า คอฟฟี่ทรัค ก็มี
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/1-2-1024x666.jpg)
ในต่างประเทศก็มีเรียกอยู่หลายชื่อเช่นกัน ส่วนใหญ่นิยมนำรถแวน, รถตู้ ,รถกระบะ,รถอเนกประสงค์เอสยูวี และรถบัสโดยสาร มาดัดแปลงเป็นคาเฟ่เคลื่อนที่ แต่กระนั้นดูเหมือนว่า “รถตู้” จะได้รับความนิยมสูงสุดแทบจะทั่วโลก บอกเลยว่าการแต่งรถขายกาแฟนั้นพีคสุดๆ ไอเดียเก๋ๆมาเต็มร้อย มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง เกิดเป็นธุรกิจแต่งรถกาแฟขายก็มาก เรียกว่าเสิร์ฟความฟินในแบบ “คาเฟ่เคลื่อนที่” กันอย่างคึกคัก
ส่วนรถจักรยานยนต์ก็มีให้เห็น แต่เป็นจำนวนน้อย ขณะที่ “คอฟฟี่ คาร์ท” (coffee cart) รถขายเครื่องดื่มกาแฟในรูปแบบจักรยานสองล้อและสามล้อ ยังพบเห็นอยู่ทั่วไปในต่างประเทศ
รถขายกาแฟเคลื่อนที่ เป็นธุรกิจที่มีผู้ประกอบการหลากหลาย ตั้งแต่ผู้มีอาชีพอิสระ-อาชีพเสริม,นักธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ,เจ้าของธุรกิจระดับประเทศ ไปจนถึงรายใหญ่ๆที่เป็นบิ๊กเนมของโลก แทบจะเรียกว่าครอบคลุมทุกไซส์ธุรกิจก็ว่าได้ แต่ละคันแต่ละแบรนด์ก็มีคอนเซปท์เป็นของตนเอง บางร้านโฟกัสไปที่กาแฟโบราณ, บางร้านก็กาแฟเกรดตลาด,บางร้านก็เป็นกาแฟพรีเมี่ยม ที่ยังมีน้อยแต่ก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเห็นจะเป็นกาแฟชนิดพิเศษ(specialty coffee) ตอบรับคอกาแฟได้ครบทุกกลุ่มทุกเหล่าแล้วแต่จะเลือกชิมเลือกดื่มกัน
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/2-2.jpg)
นอกจากจะเป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้สะดวกและคล่องตัวแล้ว “คอฟฟี่ทรัค” ยังถูกใช้เป็นกลยุทธ์เชิงรุกอีกแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์บริษัทในด้านการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับช่วงเวลาแห่งความเอนเตอร์เทนท์ของลูกค้า จึงมักพบรถขายกาแฟและอาหารเคลื่อนที่ตามแหล่งท่องเที่ยว, จุดชมวิวทิวทัศน์, มหกรรมแสดงสินค้า, งานอีเว้นท์ต่างๆ, ถนนคนเดิน, ตลาดนัดวัยรุ่น, เทศกาลดนตรี หรือแม้แต่เทศกาลงานประเพณีต่างๆ
อันที่จริง รถขายกาแฟทั่วโลกก็มีมานานแล้ว ผู้เขียนเองก็ถือว่าเป็น “คนร่วมสมัย” ตั้งแต่เด็กๆมีโอกาสเห็นรถถีบขายโอเลี้ยงขายกาแฟไปตามหมู่บ้านย่านชุมชน ไปเที่ยวตลาดน้ำ ก็ได้เห็นเรือแจวขายกาแฟโบราณ พอโตขึ้นหน่อยก็เริ่มเห็นคนยกหม้อต้มกาแฟขึ้นไปขายบนรถกระบะขนาดเล็ก รวมไปถึงรถตุ๊กตุ๊ก แล้วพอเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ก็เห็นคนจับรถยนต์มาดัดแปลงเป็นรถขายกาแฟที่มีหน้าร้านและรูปแบบไม่ต่างไปจากคอฟฟี่เฮ้าส์ที่เราคุ้นเคยกัน
เมื่อชีวิตยกระดับเข้าสู่ช่วงส.ว. ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับวัฒนธรรมกาแฟพิเศษเบ่งบานเต็มที่ ก็ได้เห็นคนนำกาแฟพิเศษจากร้านบนพื้นดินขึ้นไปอยู่บนร้านเคลื่อนที่ ทั้งสาย “สโลว์บาร์” และ “สายสปีดบาร์” มากันหมด อุปกรณ์เสริมก็ครบครันพร้อมชงกาแฟได้ทุกสูตรทุกเมนู ในระยะหลังเริ่มเห็นผู้ประกอบการคาเฟ่เคลื่อนที่เริ่มนำเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซคุณภาพสูงมาใช้กัน มีเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกในและนอกประเทศให้เลือก ตามด้วยของว่าง-เบเกอรี่-เค้ก เกรดคุณภาพเช่นกัน รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆสำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ เช่น น้ำผลไม้ ,ชา และช็อคโกแลต จัดว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ในสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของธุรกิจฟู้ดทรัค บางข้อมูลบอกว่ามีประวัติย้อนหลังไปถึงปลายศตวรรษที่ 17 โน่น แล้วก็มาบูมในช่วงทศวรรษ 2000 อันเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงิน ในรถฟู้ดทรัคก็ขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงกาแฟด้วย ตอนหลังเมื่อธุรกิจกาแฟเริ่มมี “มูลค่า” มากขึ้นคอฟฟี่ทรัคจึงแยกตัวออกมาเป็นอิสระ ขายเครื่องดื่มกาแฟเป็นหลัก ตามด้วยพวกขนมและของว่างอื่นๆ
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/3-2.jpg)
มีข้อมูลว่า รถคาร์ทขายเอสเพรสโซ คันแรกของสหรัฐ เกิดขึ้นที่ลอสแองเจลิสในปีค.ศ. 1978 แต่ก็ถูกโต้แย้งจาก “โมโนเรล เอสเพรสโซ” (Monorail Espresso) ร้านกาแฟในซีแอตเทิล ที่ลงบันทึกไว้ในวิกิพีเดียว่า เป็นผู้สร้างรถคาร์ทเอสเพรสโซคันแรกของสหรัฐและของโลก ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1980
ว่ากันว่ารถยนต์ทุกชนิดในสหรัฐถูกนำมาดัดแปลงเป็นคอฟฟี่ทรัคได้หมด ตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็กไปจนถึงรถบรรทุกไซส์ใหญ่ “รถพ่วงขายกาแฟ” ก็ทำกันมาก ธุรกิจผลิตรถขายเครื่องดื่มจากรถใหม่และรถเก่าจึงไปได้สวยมากๆ มีการเสนอขายแฟรนส์ไชส์แบบครบวงการทั้งตัวรถ,อุปกรณ์กาแฟ และเมล็ดกาแฟ ควบรวมไปถึงคอร์สอนชงกาแฟเมนูร้อนและเย็น ไม่ต่างไปจากธุรกิจแฟรนส์ไชส์ทั่วไป
ที่น่าสนใจยิ่งก็คือ องค์ความรู้ด้านนี้มีให้ศึกษากันฟรีๆตามเวบไซต์ออนไล์สำหรับมือใหม่หัดขายทั้งหลาย เช่น วิธีทำธุรกิจคอฟฟี่ทรัคแบบยั่งยืน, โมเดลธุรกิจ, เป้าหมายการตลาด, การพัฒนาแบรนด์, การบริหารงานรายวัน และเทคนิคการขายให้มีกำไร
ประเด็นเรื่องอ้างสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าแรกหรือครั้งแรก ก็เกิดขึ้นที่อังกฤษเช่นกัน ระหว่าง “บิ๊ก คอฟฟี่” (Big Coffee) ที่บอกว่าเป็นนัมเบอร์วันของธุรกิจคาเฟ่เคลื่อนที่ในแดนผู้ดี หลังเริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 กับ “คอฟฟี่ ลาติโน” (Coffee Latino) นี่ก็โชว์ข้อมูลว่าเป็นเบอร์หนึ่งเหมือนกัน แล้วก็ทำธุรกิจมาก่อนตั้งแต่ปีค.ศ. 2002
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/4-2.jpg)
แต่ที่ไม่ต้องแย่งกันและมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันก็คือ ผู้ที่ทำธุรกิจคาเฟ่เคลื่อนที่ในอังกฤษและเวลส์ทุกคน ต้องไปขอ “ไลเซ่นส์” จากทางการ จึงจะได้รับอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าตามข้างถนนได้ หาไม่แล้วจะมีความผิด โทษปรับเป็นเงิน 1,000 ปอนด์ (ประมาณ 42,000 บาท)
ผู้เขียนเคยไปเที่ยวที่โซล พบว่าคอฟฟี่ทรัคใน “เกาหลีใต้” ตอบโจทย์สายเดินทางได้เป็นอย่างดี มองไปทางไหนก็เจอ ล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจประเภทนี้ในแดนโสมขาวก้าวล้ำไปอีกขั้นหนึ่ง นอกจากเป็นธุรกิจเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มต่างๆตามปกติแล้ว ยังกลายเป็น “สัญลักษณ์” ในการแสดงออกจากแฟนคลับที่ส่งไปถึงซุปตาร์เคป๊อปและเคดราม่า เวลาศิลปินมีงานถ่ายทำละครซีรีย์, ภาพยนตร์ หรือมิวสิควิดีโอ บรรดาแฟนคลับก็จะเหมาร้านกาแฟและร้านอาหารเคลื่อนที่ ไปจอดที่หน้าบริเวณสถานที่ถ่ายทำ เพื่อเป็นกำลังใจให้ศิลปินและทีมงาน
เมื่อรถขายกาแฟและอาหารเดินทางไปถึงสถานที่ แล้วซุปตาร์จะรู้ได้ไงว่าแฟนคลับใครส่งมาให้ เพราะซุปตาร์ก็มีกันตั้งหลายคนทั้งหญิงและชาย เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเหล่าแฟนคลับจะบอกให้เจ้าของธุรกิจฟู้ดทรัคทำป้าย “แบนเนอร์” ขนาดใหญ่ใส่รูปซุปตาร์ไอดอลติดไว้บนรถด้วย พร้อมป้าย “สแตนดี้” ตั้งไว้หน้ารถอีกต่างหาก ว้าว…ต้องคลั่งไคล้กันจริงๆเท่านั้นถึงทำเรื่องน่ารักๆแบบนี้ได้
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/5-1.jpg)
จากนั้นแน่นอนว่าซุปตาร์ก็จะถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลขึ้นมา เป็นอันว่าปลื้มปริ่มกันไปทั้งศิลปินและเหล่าแฟนคลับ แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่แค่แฟนคลับเท่านั้นนะ เพื่อนศิลปินด้วยกันเอง ก็มีการส่งรถอาหารและเครื่องดื่มเคลื่อนที่ไปให้กำลังใจเพื่อนร่วมวงการเช่นเดียวกัน
สำหรับ “ค่าใช้จ่าย” ในการซัพพอร์ตดาราศิลปินในรูปแบบนี้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ระหว่าง 400,000-600,000 วอน (10,600-16,000 บาท) จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่า จะซื้อเป็นแพ็คเกจ หรืออยากได้ไอเดียแบบไหนก็นำเสนอมาได้ ทั้งเรื่องหน้าตารถ ,ประเภทอาหาร+เครื่องดื่ม, จำนวนการสั่งซื้อขั้นต่ำ และระยะเวลาเปิดร้าน ทุกสิ่งทุกอย่างคิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด
บางคนถึงกับเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมการซัพพอร์ตไอดอลของแฟนคลับชาวเกาหลีใต้ แต่ผู้เขียนเห็นว่ายังเร็วเกินไปสำหรับคำว่าวัฒนธรรม ขอเรียกว่าเป็นปรากฎการณ์ หรือเทรนด์ หรือกระแสก็แล้วกันครับ
ในบ้านเราก็มีการ “ตามรอย” ปรากฏการณ์ในเกาหลีใต้ มีการเหมารถฟู้ดทรัคไปสนับสนุนดาราศิลปินเช่นกัน ทั้งจากบรรดาแฟนคลับและจากศิลปินด้วยกันเอง แต่กระแสไม่แรงแบบโปรไฟไหม้และไม่ใหญ่อลังการเท่าของเกาหลีใต้
ก่อนจบบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนจะถือว่าตัวเอง “พลาด” อย่างมากหากไม่นำเสนอข่าวชิ้นหนึ่งจาก “มาเลเซีย” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2016 ตำรวจเมืองไซเบอร์จายาได้จับกุมตัวชายสองคน ในข้อหาขับรถยานเกราะแบบเดียวกับกองทัพมาเลเซีย และติดตั้งเครื่องยิงจรวด 2 ชุด พร้อมยึดรถไว้เป็นของกลาง
![](https://www.smebiznews.com/wp-content/uploads/2023/01/6-1024x576.jpg)
จากการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่พบว่า ชายทั้งสองคนเป็นพนักงานร้านขายกาแฟ และมีการดัดแปลงรถยนต์ให้มีลักษณะคล้ายยานยนต์หุ้มเกราะของทหาร เพื่อเป็นรถขายกาแฟหรือที่เรียกกันว่า “คอฟฟี่ทรัค” นั่นเอง
ร้อนถึงเจ้าของร้าน “ซาวาร่า คอฟฟี่” (Zawara Coffee) ที่เข้าใจว่าเป็นต้นคิด “ยานเกราะขายกาแฟ” ดังกล่าว ได้ออกมาขอโทษขอโพยเรื่องที่สร้างความตื่นตกใจให้ประชาชนหลังพบเห็นรถทหารติดจรวดวิ่งไปตามท้องถนน แล้วก็ชี้แจ้งว่าไม่ได้ตั้งใจทำรถเลียนแบบรถทหาร ถ้ามองกันดีๆ ดีไซน์ของรถไม่ใช่ลายพรางทหาร
ขณะที่ตำรวจนั้นหลังสอบปากคำพนักงานสองคนเสร็จ ก็ให้ประกันตัวไป ด้วยเหตุผลว่ารถคันนี้ไม่ใช่ยานพาหนะของกองทัพบก และเครื่องยิงจรวดก็เป็นของปลอมเช่นกัน
รายงานข่าวไม่ได้บอกว่า “กิมมิค” ทางการตลาดของคอฟฟี่ทรัคในลักษณะนี้ยังดำเนินต่อไปหรือไม่/อย่างไร แต่เท่าที่ดูจากรูปแบบรถ คิดว่าไม่น่ารอด หรือท่านผู้อ่านคิดเห็นประการใดครับ!
facebook : CoffeebyBluehill