5 สิ่งที่ SME ควรทำกับธุรกิจก่อนวางแผนงานสำหรับปีหน้า 2566

คอลัมน์: สื่อสารการตลาดตามใจฉัน

โดย…บราลี อินทรรัตน์

เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น ก็จะหมดปี 2565 แล้ว  ผู้ประกอบการหลายท่านอาจเตรียมวางแผนงานในปีหน้ากันแล้ว  ว่าจะเอาอะไรเข้ามาขายเพิ่มดี หรือออกสินค้าใหม่ แม้แต่เตรียมทำการตลาดสำหรับปีหน้ากันแล้ว

ใครคิดแบบนี้ขอบอกว่าช้าก่อน  อย่าเพิ่งผลีผลามข้ามขั้นตอนสำคัญกระโดดไปปีหน้า  5 สิ่งที่ผู้ประกอบการควรจะลงมือทำอย่างจริงจัง  คือ 5 สิ่งนี้

1.ประเมินผลงานปีนี้ ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นหรือไม่อย่างไร?

หากธุรกิจของคุณไม่ได้หยุดชะงักในช่วงโควิด เพราะคุณหันมาทำค้าขายบนออนไลน์ คุณจึงน่าจะมีข้อมูลให้วิเคราะห์ได้ว่า  ควรจะทำธุรกิจทั้งบนออนไลน์หรือออฟไลน์  หรือควรทิ้งออฟไลน์การมีหน้าร้านไปเลย เพราะออนไลน์ไปได้ดีกว่า  ก็ต้องมีบทสรุปเพื่อให้เกิดการเรียนรู้  และพัฒนาให้ร้านค้าออนไลน์เติบโตขึ้นอีก  ทั้งการขยายใช้ให้ครบทุกแพลตฟอรม์   หรือใช้บางแพลตฟอรม์ออนไลน์เท่านั้น   ที่สำคัญไม่ควรเป็นเหตุผลในการไม่ใช้ เพราะไม่ถนัด ไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ ไอที เทคโนโลยี่ ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกค่ายต่างก็พัฒนาให้ทุกคนใช้งานได้อย่างง่ายๆ friendly used กันหมดแล้ว

หากธุรกิจคุณอยู่บนออนไลน์ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอคือ ความต่อเนื่อง การให้คนจดจำแบรนด์เราได้ การนำเสนอจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง หากทำออนไลน์แต่ยังใช้พฤติกรรมเหมือนออฟไลน์ คือว่างแล้วค่อยทำ ค่อยโพสต์ ก็อาจจะเสียโอกาส เสียลูกค้าไปได้ เพราะลูกค้าของเราก็อยู่บนออนไลน์ หากเรา feedback ตอบคำถามช้า เขาอาจเปลี่ยนไปซื้อรายอื่นแทนเราก็เป็นได้  อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้คนจะหาซื้ออะไร เค้าจะเสริช์ค้นหาข้อมูลสินค้านั้นๆก่อนหน้ามาเรียบร้อยแล้ว  ไม่ต้องรอเราส่งข้อมูลให้

ส่วนผู้ประกอบการที่มีหน้าร้านแล้วต้องหยุดชะงักไป  แล้วไม่สะดวกในการทำออนไลน์ เพิ่งกลับไปรันธุรกิจหลังโควิด  ก็ต้องรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ให้มากขึ้น ว่าถ้าหากมีปัจจัยใดๆ ที่มาส่งผลกระทบให้ร้านค้า ไม่สามารถขายได้ ต้องปิดตัวลงอัตโนมัติ อย่างภัยธรรมชาติ น้ำท่วม จลาจล แผ่นดินไหว แล้วจะทำการค้าต่อไปด้วยวิธีการไหน  นั่นหมายถึงการวางแผนรับมือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า 2566 เช่นกัน

นอกจากการเติบโตจากยอดขายที่หลายธุรกิจทำได้แล้ว  สิ่งสำคัญคือต้องดูให้ชัดๆว่า มียอดขายเข้ามา ขายของได้หมดก็จริง  แต่ไม่มีกำไรหรือไม่ขาดทุนแต่เสมอตัว  หากเป็นแบบนี้ ก็ต้องวิเคราะห์ด้านการขาย  ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ผลกำไร มีตรงไหนที่จะทำได้ดีกว่าเดิมหรือไม่

2.วิเคราะห์สิ่งไหนที่ทำแล้วดี สิ่งไหนแป้กต้องแก้ไขปรับปรุง

การทำธุรกิจให้สำเร็จมีหลายปัจจัย  หากเป็นการขายสินค้าหรือบริการ ก็ต้องสวมวิญญาณ Operation ไล่ดูว่าแต่ละจุดที่ทำไปแล้วนั้น  มีสิ่งไหนที่ทำแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี สิ่งไหนทำแล้วติดขัดมีปัญหา ขายสินค้าไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องมาดูที่จุดนั้น  หากแก้ไขเองไม่ได้ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้มาช่วยแนะนำให้  เราก็สามารถไล่ดู วิเคราะห์ไปแต่ละประเด็นตามนี้ อาจจะมีต่างกันบ้างตามประเภทสินค้า หรือธุรกิจ

  • สินค้า จุดดี จุดด้อย จุดขายที่แตกต่าง
  • พนักงานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาจไม่ใช่เฉพาะฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาดอย่างเดียว หากสินค้านั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี่  อาจมีฝ่ายเทคนิค ไอทีให้คำแนะนำลูกค้า
  • ช่องการการขาย มีที่ไหนบ้าง หรือใช้แต่พนักงานขายอย่างเดียว
  • ฝ่ายบริการหลังการขาย
  • ฝ่ายจัดส่ง
  • ฝ่ายบัญชี การเงิน / ฝ่ายบุคคล
  • แผนการตลาด

เมื่อไล่วิเคราะห์ไปแต่ละส่วน  น่าจะพบจุดที่ต้องแก้ไขปรับปรุง หรือสิ่งไหนดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากยิ่งขึ้น  ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ  เพราะจะช่วยให้ธุรกิจเรารันในปีหน้าได้อย่างราบรื่น  หากเราไม่มีการประเมินวิเคราะห์เลย  ในปีหน้าเราอาจจะทำสิ่งเดิมๆ โดยไม่รู้ว่า มีช่องทาง หนทาง แบบอื่นๆที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมที่

3.วิเคราะห์ลูกค้า Customer Journey ของคุณเป็นอย่างไร?

นอกจากผู้ประกอบการจะรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายหลัก เป้าหมายรองของธุรกิจตัวเองเป็นคนกลุ่มไหนแล้ว  ยังต้องศึกษาด้วยว่า  กว่าที่ลูกค้าจะมาออเดอร์สินค้าของคุณนั้น  มีเส้นทางการมาพบกับร้านของคุณ ช่องทางแพลตฟอรม์ไหน  ใช้เวลาตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีหรือว่า  รอดูก่อน หาข้อมูลก่อน  เลือกดูสินค้าประเภทไหน  สีอะไร  ขนาด ราคา เพราะถ้าเรารู้เส้นทางการมาของลูกค้าได้อย่างชัดเจน  เราสามารถที่จะใช้การทำการตลาดแบบรีทาร์เก็ต จากการยิงแอดโฆษณาหรือ มีกิจกรรมการตลาดไปกระตุ้นยอดขาย ทั้งลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าแล้ว หรือแค่เข้ามาชมเว็บไซด์เฉยๆ เพื่อปิดการขายได้เพิ่มขึ้น

4.วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก Insight Data

ปัจจุบันการเก็บข้อมูลจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้ว และคนที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้า  ถามราคา ถามโปรโมชั่น แต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า  ซึ่งผู้ประกอบการยังสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึก  ได้จากแพลตฟอรม์ออนไลน์ทุกๆ แพลตฟอรม์ที่เราใช้งาน  โดยข้อมูลหลักๆ จะเป็นประมาณนี้

  • เพศ
  • อายุ
  • ระยะเวลาการติดตามเป็นเพื่อนกับแพลตฟอรม์
  • การยิงแอดโฆษณา คนที่เข้ามาคลิกลิงค์ กดดูโฆษณา
  • ระบบโทรมือถือที่ใช้งาน
  • สถานที่ตำแหน่งที่อยู่ กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด

ผู้ประกอบการสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกจากส่วนนี้  นำมาวิเคราะห์วางแผนการตลาด  แผนการผลิตสินค้า แผนโปรโมชั่น  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า   การเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้วเอามาวิเคราะห์ เพื่อวางแผนงานนับว่าเป็นส่วนสำคัญมาก  เพราะถ้าเราไม่มีการเก็บข้อมูลสำคัญๆนี้เลย แล้วทำการตลาดออกไป  เหมือนเราหว่านแหไปมั่วๆ ก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

หรือไม่ได้ทำการตลาดใดๆ แค่ขายไปตามปกติ  ก็เป็นการเสียโอกาสที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วขึ้น

5.ประเมินธุรกิจของตัวเองว่ากำลังอยู่ในเฟสไหน และกำลังจะไปไหน

การประเมินในข้อนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รู้และเข้าใจ สถานการณ์ของธุรกิจที่กำลังเป็นอยู่ จะได้ไม่กระโดดข้ามขั้นใดไป  หรือทำในสิ่งที่ผิดจังหวะของการทำธุรกิจ  มาดูกันเลยว่า แต่ละเฟสคืออะไร และธุรกิจของคุณอยู่เฟสไหน?

เฟส 1   การขาย โดยการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ

ธุรกิจที่เปิดใหม่ๆ   หรือเปิดมานานแล้วก็ตาม  จำเป็นต้องทำการตลาดเพื่อขายสินค้าให้ได้ก่อน  หากยังทำข้อนี้ไม่ได้ผลลัพธ์ ก็ไม่ควรเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่น เพราะถ้ามีคนอื่นๆที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับเราและเขาเติบโตกว่า มียอดขายดีกว่าเรา แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สินค้าแต่อยู่ที่การทำการตลาดของเราตังหาก เพราะถ้าเราไม่แก้ไขเรื่องนี้  หากเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นก็จะประสบปัญหาแบบเดิมๆอีก

เฟส 2 สร้างกำไรสูงสุด (profit) สร้างกำไรสูงสุดในทรัพยากรที่มี

การจัดการแต่ละส่วนในธุรกิจ ใช้จำนวนคนให้เต็มที่  ยังไม่ใช่เฟสของการจ้างพนักงานใหม่ๆ หรือขยายธุรกิจ แต่ควรใช้ประโยชน์จากโซเชี่ยลมีเดียให้เต็มที่โดยที่ยังไม่ต้องใช้งบประมาณไปยิงแอดโฆษณา

เฟส 3 ขยาย (สร้างระบบและรับคนเข้าทำงาน Process & People)

เมื่อมียอดขายเข้ามาได้ตามเป้าหมายแล้ว และมีระยะเวลาที่นานพอแล้ว การพิจารณาจ้างคนเพิ่มอาจทำได้ในเฟสนี้

เฟส 4 สร้างวัฒนธรรม (Culture) เพื่อให้คนทำงานแทนแบบอัตโนมัติ

เมื่อธุรกิจเติบโต มียอดขายเข้ามาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเติบโตขึ้นเรื่อยๆแล้ว  ผู้ประกอบการสร้างระบบขึ้นมา  เพื่อช่วยให้ธุรกิจรันต่อไปได้ใน 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีเจ้าของมาคอยเฝ้าร้าน หรือมารับออเดอร์จากออนไลน์ตลอดเวลา

ทั้ง 5 สิ่งนี้ หากผู้ประกอบการได้นำมาใช้ ประเมินและวิเคราะห์ธุรกิจของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว ย่อมจะแก้ไขจุดที่ผิดพลาด และปรับปรุงบางสิ่งให้ดีขึ้น ตลอดจนนำข้อมูลที่ได้มาใช้วางแผนการตลาด การทำธุรกิจในปี 2566 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน


เกี่ยวกับผู้เขียน: อ.บราลี (ลี)

*มีประสบการณ์การเป็นผู้บริหาร บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาด การสร้างภาพลักษณ์องค์กร ดูแลวางแผนกลยุทธ์ให้ลูกค้าทุกประเภทธุรกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากกว่า 35 ปี

*ปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษางานสื่อสารการตลาด ประชาสัมพันธ์ และการตลาดออนไลน์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ  องค์กร และ SME

*เป็นเจ้าของธุรกิจ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชราระดับยีนทั้งอาหารเสริมและอุปกรณ์ความงาม

*มีคลาสแนะนำ “การทำธุรกิจโกลบอลออนไลน์บนแพลตฟอรม์ที่ขยายไปยังต่างประเทศ” ฟังฟรี!! ให้กับ SME  ที่สนใจธุรกิจออนไลน์ที่ทำตลาดต่างประเทศได้ ผ่าน ZOOM ตามวันและเวลาที่นัดหมาย

*มีคลาส สอน Line Official Account (Line OA) เรียนผ่านเฟซบุ๊คส์กลุ่มปิด และไพรเวทคลาส 1 วันเต็ม

ติดต่อสอบถามแอดไลน์ที่นี่ค่ะ  https://lin.ee/6lNppJi

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น