ยิ่งกว่า Covid คือ Conflicts ในที่ทำงาน How to..รวบ “ดาวร้าย” ให้เป็น “ดาวน์ไลน์”

“ความขัดแย้ง” คือ สิ่งที่ไม่ตรงกับความคิดความคาดหวังในการทำงานหรือองค์กร​ นำมาสู่ผลกระทบคือความรู้สึก​เดือดร้อนหรือเสียหายต่อคนและองค์กร​ ซึ่งในโลกแห่งการทำงานความขัดแย้งมักมี​ใน 3​ พื้นที่นี้​ คือ
1. ขัดแย้งสับสนในเป้าหมาย
2. ขัดแย้งสับสนในบทบาท = อำนาจ  บารมี ศักยภาพ
3. ขัดแย้ง​สับสนในเครื่อ​งมือ/กระบวนการ /วิธี​การ

เมื่อเผชิญ​กับความขัดแย้งแล้วเรามักจะมองมาที่คนที่ทำให้เกิดความรู้สึก ​”ขัดแย้งนั้น” ว่าเป็น “ดาวร้าย” จริงๆ​ “ดาวร้าย” ก็ไม่ต่างจาก​ “ดาวเด่น”​

คนเรามักจะมีภาพจำในส่วนที่ร้ายได้ดีชัดเจนกว่า ยกตัวอย่างของละครในอดีต เพราะมีผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจจึงจดจำได้ดีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราต้องทำงานกับ ดาวร้าย​ ให้พิจารณา​จาก​  7 ข้อ (key.principle)​ ดังนี้
1. ทุกพฤติกรรมที่แสดงออกของมนุษย์ ล้วนมีความหมายเสมอไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ตาม
2. ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ทุกคนไม่ได้อยากเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่นตลอดเวลา
3. พฤติกรรมร้ายๆ​ ที่แสดงออกมานั้นคือปรากฎการณ์ที่เจ้าตัวเองก็อาจทั้ง รู้ตัว หรือไม่รู้ตัว มีทั้งตั้งใจและพลั้งเผลอ

4. การแสดงออกร้ายๆ​ นั้นสะท้อนขีดความสามารถในการจัดการกับปัญหา​ของเขา​ หากเขาจัดการได้จริงจะไม่วนซ้ำในพฤติกรรม​ร้ายๆ​ แบบเดิมๆ
5. ความร้าย จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่ได้รับ(เดือดร้อนและเสียหาย)​ ตลอดจนความรู้สึกผิดหวัง จากความคาดหวังของตนเอง

6. ประสบการณ์ในอดีตของตนมีผลต่อการตอบสนองต่อดาวร้ายและเหตุการณ์​ร้ายๆ ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยเรียนโดนตำหนิกหน้าเสาธงต่อสาธารณะ​เมื่อโตขึ้นโดนหังหน้าตำหนิต่อสาธารณะ​ด้วยยิ่งกระตุ้นเร้าให้เกิดผลกระทบร้ายๆ​ แบบถล่มถลายได้เร็วขึ้น
7. ไม่มีใครในโลกใบนี้ไม่เคยร้ายมาก่อน  ทุกคนมีมุมร้ายที่แตกต่างกันไป

การกลับมาทบทวนวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบจากความร้ายของคนและเหตุการณ์​จะช่วย แปลงดาวร้าย ให้เป็นดาวเด่นได้ด้วยเช่นกัน​ ได้แก่  มองหาศักยภาพ หาผลประโยชน์จากความร้ายในตัวเขา เช่น พฤติกรรมการเป็นนักตำหนิ  ช่างติ  ชอบวิพากษ์วิจารณ์​  ให้นำความสามารถนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์​ต่อยอด​ เช่น ในงานในส่วน QA QC งานมาตรฐานการปฏิบัติงาน ตอบโจทย์ จัดสรรประโยชน์ และดึงศักยภาพออกมา เป็นต้น

การแปลงดาวร้าย ให้เป็นดาวเด่น
1. ถอยหลังจากพฤติกรรมร้ายๆ​ ของเขามองว่าเป็นเพียงแค่พฤติกรรมปรากฏ​การณ์​
2. มองหาจุดที่มีเขามีความสามารถมีความถนัดมาเป็นตัวเชื่อม​โยงในการปรับเปลี่ยน
3. เกิดความเข้าใจถึงสิ่งที่แสดงออกที่มีต่อตัวเอง ของบุคคลนั้น และงานจะเริ่มปรับดุลยภาพจนออกมามีประสิทธิภาพ​ได้ในที่สุด

ข้อคิดปิดท้าย
การอยู่ร่วมกับ Covid  โดยปกติคนทั่วไปมักจะปรับตัวได้ภายใน 3-6 เดือน หรืออาจมากกว่านั้นถือเป็นพลวัต​รของความพยายามปรับตัวของมนุษย์​​ ดังนั้น​ การอยู่ร่วมกับภาวะวิกฤติ​จึงควรมองหาความสุขจากข้อจำกัดต่างๆ  และโฟกัสเรื่องต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราที่เราทำได้ทันทีก่อนพร้อมให้โอกาสกับตัวเองผ่านการ “ดีใจ” ไปกับทุกสิ่งๆ ที่ง่ายๆ และอยู่รอบตัว เรียกง่ายๆ​ คือ “หาเรื่องดีใจในทุกๆ วัน” เช่น​ ดีใจที่ได้ตื่น ดีใจที่มีงานทำ ดีใจที่ได้ทานอาหารอร่อยๆ  ดีใจที่ยังมีโอกาสได้ก้าวเดินต่อไปในชีวิต​ เมื่อทำได้แล้วจะรู้สึกว่าได้ใจดีกับตัวเองและใจดีกับผู้อื่น​ ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายและงดงามขึ้น


สรุปและเรียบเรียง จากรายการลับคมธุรกิจ มิติข่าว 90.5 FM 

โดย ประเสริฐ​ กวิน​นิพัทธ์​ (อ.หนึ่ง)​ SCG​ HR​ Solution​ ผู้ทรงคุณวุฒิ​ สาขาจิตวิทยา​ มหาวิทยาลัย​เชียงใหม่​ อดีตกรรมการ​สมาคม​นักจิต​วิทยา​คลินิก​ไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น