ทิศทางตลาด “อสังหาฯ” ครึ่งปีหลัง “พฤกษา” มองไตรมาส 4 ฟื้น ทั้งปีโต 5%

สัมภาษณ์ คุณปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท โดย ดร.นงค์นาถ ห่านวิไล

ดร.นงค์นาถ : ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ครึ่งปีหลัง จะดีกว่า ครึ่งปีแรกไหม และมีปัจจัยอะไรบ้าง

คุณปิยะ : ปีที่แล้วติดลบเยอะมาก ติดลบไป30% ที่หายไปเยอะจะเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม ในปีนี้ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ค่อนข้างดีมาก ตลาดเติบโตขึ้นประมาณ 30% ตัวที่ได้ตลาดจะเป็นกลุ่ม Real Demand

โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวที่เติบโต 50% ทาวน์เฮ้าส์เติบโต 16% ส่วนคอนโดมิเนียมมีโครงการใหญ่ 2 โครงการที่เปิดตัว ทำให้เติบโตประมาณ 30% ทั่วไปของคอนโดมิเนียมเหมือนปีที่แล้ว segment ที่เติบโตได้ดีจะเป็น 2 ล้าน – 5 ล้านบาท ปัจจัยหลักในปีนี้ตัวที่ขับเคลื่อนน่าจะเป็น Real Demand โดยเฉพาะพนักงานประจำที่มีรายได้ประมาณ 3 หมื่น – 2 แสนบาท

พฤติกรรมลูกค้าตอนนี้จะเห็นได้ว่าสนใจบ้านพร้อมอยู่เป็นหลัก ไตรมาส 2 ของปีนี้น่าจะต่างจากปีที่แล้ว คิดว่าเหมือนไตรมาส 1 ของปีนี้ ส่วนไตรมาส 3 และ 4 เนื่องจากลูกค้ามีการใช้ search engine มากขึ้น 20-30% เพราะฉะนั้นลูกค้าจะมาจาก digital 70-80%

ไตรมาส 2 ยอดขายไม่ค่อยตกเท่าไหร่ อสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่จะเปิดโครงการในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คงฉีดวัคซีนได้ในระดับหนึ่งคิดว่าคงจะดีขึ้นและจะเติบโต 5-10% โดยรวมทั้งปีน่าจะโต 5% โดยเฉพาะไตรมาส 4 น่าจะเติบโตประมาณหนึ่ง

ดร.นงค์นาถ : อสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ทั้งปีจะกลับมาโต เป็นบวก 5% จากปีที่แล้วที่ติดลบ 30% แสดงว่าปีนี้ตลาดเริ่มฟื้นตัวใช่ไหม มีsegment ใดบ้างที่เติบโตดี

คุณปิยะ : ใช่ ฟื้นบางตัวในบาง segment โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานประจำ ส่วนsegment ล่างจะมีปัญหาเรื่องสินเชื่อค่อนข้างเยอะ แบงค์ไม่ปล่อยกู้ คงเป็นปีหน้าหรือปีต่อไปคงจะกลับขึ้นมาดีอีกครั้ง ส่วน segment บนที่ shop around ก็ยังตัดสินใจค่อนข้างช้า โดยReal demand จะเป็น segment กลางๆ เดี๋ยวนี้คนมีการปรับพฤติกรรมอยู่บ้านมากขึ้น จากอยู่คอนโดมิเนียมก็เปลี่ยนมาเป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น

ดร.นงค์นาถ ราคาอสังหาฯ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

คุณปิยะ : ปีที่แล้วมีบาง segment ที่เกิด price war คือ ราคาลงค่อนข้างเยอะประมาณ10% ส่วน “พฤกษา” ปีนี้เป็น “Year of value” คิดว่าปีนี้ลูกค้าsegmentกลางๆ คงมีโอกาสซื้อของดีราคาถูก โดยเฉพาะ segment 2-5 ล้านบาท ลูกค้าคงเข้าถึงได้ง่าย

ดร.นงค์นาถ : ปีนี้ Supply จะเพิ่มขึ้นแค่ไหน

คุณปิยะ : เนื่องจากปีที่แล้ว ไตรมาส 4 หายไปเยอะ ไตรมาส 1 ปีนี้หายไป 4% เพราะคนเปิดโครงการค่อนข้างน้อย บ้านเดี่ยวหายไป 30 เกือบ 40% ทาวน์เฮ้าส์หายไปเกือบ 60% จะมีส่วนของคอนโดมิเนียมของ 2 เจ้าใหญ่ๆ ที่เปิดโครงการที่เกิน10 ล้านบาท นับเป็นอีก segment หนึ่ง พูดง่ายๆ supplyในไตรมาส 1 หายไป 4%  Stock หายไป 2% ตัว Supply มีแนวโน้มค่อนข้างลดลงช่วงนี้

ดร.นงค์นาถ : พฤติกรรมของผู้บริโภคค่อนข้างเปลี่ยน อยู่บ้านมากขึ้น search ข้อมูลมากขึ้น มีโครงการให้เลือกมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจช้าลงหรือไม่ อย่างไร

คุณปิยะ : ปัจจุบันลูกค้าจะศึกษาหาข้อมูลค่อนข้างเยอะ การเข้ามาดูของลูกค้าจะผ่านทาง digital เป็นหลัก ยอด walk-in เข้าชมค่อนข้างปกติ 90% แต่อัตราการปิดการขายเดิม 4-5 รายปิด 1 ราย แต่ปัจจุบันเข้าชม 7-8 รายปิด 1 ราย ลูกค้าตัดสินใจช้าลงมาก

ดร.นงค์นาถ : ตัดสินใจช้าลง เพราะว่ามีตัวเลือกมากขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งคือกำลังซื้อ เพราะว่าแบงค์ไม่ค่อยปล่อยกู้ กลัวว่าจะเกิด NPL

คุณปิยะ : แบงค์ค่อนข้างดูมากขึ้น จากใช้เวลาครึ่งเดือน อาจจะดูละเอียดขึ้นถึง1เดือน

ดร.นงค์นาถ : ตอนนี้สถานการณ์โควิดวิกฤติหนัก “พฤกษา” มีการช่วยผู้บริโภคอย่างไรบ้าง มีแคมเปญหรือโปรโมชั่นอะไรบ้าง

คุณปิยะ : เราเปิด “โรงพยาบาลวิมุต” เมื่อเดือนพฤษภาคม เราช่วยรัฐบาลในการฉีดวัคซีน เรารู้ว่าช่วงนี้ลูกค้ามีปัญหาการเงิน เลยมีแคมเปญ “พฤกษาคุ้มจบทุกดีล” เลือกอยู่ฟรี 3 ปี ส่วนกลางฟรี 3 ปี หรือเลือกวันโอนทุกอย่างฟรี จะทำให้ลูกค้าเข้าถึง และไม่มีภาระ อีก 1-2 ปีเศรษฐกิจก็คงดีขึ้น

ดร.นงค์นาถ : แคมเปญ “พฤกษาคุ้มจบทุกดีล” ผลตอบรับดีแค่ไหน

คุณปิยะ : ลูกค้าสนใจค่อนข้างเยอะ ดูจากโซเซียล ส่วนใหญ่เรายิงแคมเปญนี้ทาง digital ทาง Tik-Tok Facebook สามารถเข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย

ดร.นงค์นาถ : แคมเปญ “พฤกษาคุ้มจบทุกดีล” มีรายละเอียดอะไรบ้าง  

คุณปิยะ : เรามีบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม เข้าร่วมแคมเปญนี้ 131โครงการ ระยะเวลาถึงเดือนหน้า แคมเปญแรกคือ อยู่ฟรี 36 เดือน แคมเปญที่ 2 คือฟรีส่วนกลาง 36 เดือน แคมเปญที่ 3 คือ ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ในแต่ละโครงการก็จะมีโปรโมชั่นมากกว่านี้อีก แคมเปญตัวนี้มีมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท

ดร.นงค์นาถ : ถ้าลูกค้าอยากทราบรายละเอียดแคมเปญเข้าไปดูได้ที่ไหนบ้าง

คุณปิยะ : เวบไซต์ https://www.pruksa.com เบอร์โทรศัพท์ 1739

ดร.นงค์นาถ : เทรนด์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า มีเรื่องไหนบ้างที่ต้องเตรียมการล่วงหน้า หรือน่าจับตา

คุณปิยะ : เรื่องแรกที่สำคัญคือเรื่อง “สุขภาพ” เนื่องจากไวรัสโควิด 19 เป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนหันมาสนใจดูและสุขภาพมากขึ้น เราโชคดีที่มี “โรงพยาบาลวิมุต” ลูกค้าสามารถเข้าถึงโรงพยาบาลได้ง่าย ส่วนที่ 2 คือ “Lifestyle ที่เปลี่ยนไป” คิดว่าใน 1-2 ปี ประเทศไทยคงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดีไซน์ของบ้านเองก็ต้องเอื้อผู้สูงอายุ เราออกแบบร่วมกับคุณหมอ

การ Work from home ทำให้ลูกค้าต้องการ Space มากขึ้น ดังนั้นการออกแบบมัลติฟังก์ชั่นทั้งทำงานและทานข้าวได้ โดยเฉพาะอากาศเองก็ต้อง flow และการดีไซน์เรื่อง 5G IoT ส่วนที่ 3 ที่สำคัญคือเรื่อง “Sustainable, Pollution, Climate change, Energy” ส่วนกลางของ “พฤกษา”เราใช้ Solar cell เกือบทุกที่จะทำให้ลูกบ้านไม่มีภาระเรื่องค่าไฟ คิดว่า 3 เทรนด์ คือ สุขภาพ, Lifestyle ที่เปลี่ยนไป และการเติบโตแบบยั่งยืน การรักษาดูแลสิ่งแวดล้อม จะเป็นเทรนด์ที่สำคัญ

ดร.นงค์นาถ : พฤกษา” พิเศษกว่าเจ้าอื่นตรงที่มี “โรงพยาบาลวิมุต” อยู่ในเครือ ต่อไปจะมีคลินิกบริการในหมู่บ้านไหม

คุณปิยะ : มีแน่นอน เรียกว่าเราทำงานร่วมกันระหว่าง Real Estate กับทางโรงพยาบาล มีโครงการล่าสุดตรง สุขาภิบาล 2 มี 7-8 โครงการ เป็น Avenue มี Nursing home โดยพยาบาลไปดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน หรือเช้าไป-เย็นกลับ เป็น Day care สามารถโทรศัพท์มาปรึกษาสุขภาพได้ 24 ชั่วโมง หรือบริการรถรับ-ส่ง Emergencyตลอด 24ชั่วโมง เรากำลังทำให้ครบทุกโครงการ ส่วนการมาตรวจที่ “โรงพยาบาลวิมุติ” เป็นสิทธิพื้นฐาน เราได้ทำบัตร privilege ให้ลูกค้า “พฤกษา” ทุกท่าน

ดร.นงค์นาถ : โดยสรุปภาวะแบบนี้ โอกาสของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ตรงไหน

คุณปิยะ : ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองจะโฟกัสที่กลุ่มคนชนชั้นกลางซึ่งเป็น Real demandที่ต้องการที่อยู่อาศัย และLifestyle คนเปลี่ยนมาอยู่บ้านมากขึ้น จะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น