“ช้อปดีมีคืน&คนละครึ่ง” ผู้บริโภค/ผู้ประกอบการ ได้ประโยชน์อย่างไร?

เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย คือ โครงการช้อปดีมีคืน และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งผู้บริโภคจะต้องศึกษาว่าจะเลือกใช้โครงการใดจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะถ้าเลือกใช้โครงการใดแล้ว จะไม่สามารถใช้อีกโครงการหนึ่งได้

โครงการคนละครึ่ง เปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00-23.00 น. รับจำกัดเพียง 10 ล้านสิทธิ ผู้ที่มีสิทธิลงทะเบียนจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้วงเงิน 3,000 บาท/คน เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563

สามารถใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มทั่วไป โดยภาครัฐจะช่วยจ่ายเงิน 50% ใช้ได้ไม่เกินวันละ 150 บาท/คน/วัน จะใช้ได้ในร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ประเภทของกินของใช้ ร้านอาหารในตลาด หรือร้านโชว์ห่วย ร้านค้าที่ไม่ได้เป็นนิติบุคคล สำหรับร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ จะต้องไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

โครงการช้อปดีมีคืน เป็นโครงการสำหรับผู้ที่อยู่ในฐานภาษีที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3.7 ล้านคน สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการที่จ่ายให้กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงิน 30,000 บาท โดยให้เก็บรวบรวมใบเสร็จที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มไปยื่น ภายในเดือนมีนาคม 2564 เพื่อลดหย่อนภาษีตามฐานภาษีที่แต่ละคนเสียภาษีไป สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563

ซึ่งการซื้อสินค้า 30,000 บาทนั้น จะต้องไม่รวมค่าสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันที่เติมรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ค่าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือที่เป็นรูปแบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ท่องเที่ยวซึ่งเป็นมาตรการที่ออกไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่พัก ผู้ประกอบการโรงแรม มัคคุเทศก์ ที่อยู่ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

รัฐบาลคาดหวังว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ 1.1 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มจีดีพีขึ้นอีกประมาณ 0.03%

วันนี้ ลูกค้าที่มีกำลังซื้อก็คือลูกค้าที่มีรายได้ที่สามารถเสียภาษีให้กับรัฐ ซึ่งคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีก 2-3 ปี จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญมาก ดังนั้นหากร้านค้าอื่นเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ร้านของผู้ประกอบการไม่ได้เข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะทำให้เสียเปรียบ และเข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ

สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าอยากเปลี่ยนใจเข้าสู่ระบบก็ยังสามารถดำเนินการได้ทัน เพราะโครงการจะเริ่มใช้จ่ายออกใบเสร็จใบแรกที่ใช้ได้ในทางภาษีคือ วันที่ 23 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป หรือสามารถไปลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งได้  @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น