เปิด “มุมมอง บุญชัย โชควัฒนา” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างไรให้ได้ผลจริงจัง!

“บุญชัย โชควัฒนา” แนะ รัฐบาลดูแลการผลิตสินค้าเกษตรให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และผลักดันส่งออกมากขึ้น ส่วนคนไทยควรช่วยสนับสนุนซื้อสินค้าไทย บริโภคผลไม้ไทย ช่วยเกษตรกรในภาวะวิกฤติโควิด-19

บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าจะรุนแรงขนาดไหน จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ยากจะคาดได้ว่าจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเกิดการติดเชื้อรอบสองหรือไม่ ถึงแม้จะไม่ติดเชื้อรอบสอง เศรษฐกิจเราก็มีผลกระทบแน่นอน เพราะประเทศไทยขึ้นอยู่กับการส่งออกเยอะ ถ้าทั่วโลกมีปัญหา การส่งออกของเราก็มีปัญหา

บุญชัย โชควัฒนา

การส่งออกเราก็เป็นภาคเกษตรส่วนใหญ่ ก็คิดว่าระยะยาว เศรษฐกิจฐานรากน่าจะมีปัญหา หลายปีที่ผ่านมาเราก็มีปัญหาอยู่ตามสมควรแล้ว พืชผลการเกษตรขายไม่ค่อยดี ราคาก็ไม่สูง จนรัฐบาลชุดหลังมีมาตรการบางอย่าง เช่น ประกันรายได้ ก็ทำให้ราคาพืชผลดีขึ้นบ้าง เกษตรกรก็สามารถลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น

ทั้งนี้ เศรษฐกิจฐานรากขึ้นกับประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในภาคเกษตร ก็น่าจะต้องหาวิธีกระตุ้นให้พืชผลที่ผลิตออกมาขายได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องชะลอการผลิตสักนิดหนึ่ง เพราะบางอย่างถ้าเราผลิตมากเกินไปแล้วขายไม่ได้ ราคาตกต่ำมาก เกษตรกรก็จะเดือดร้อนมาก ตอนนี้รัฐบาลน่าจะดูแลตรงนี้ พืชผลบางตัวที่ทำอยู่ แต่ตลาดไม่ดีก็อย่าผลิตเยอะเกินไป ผลิตตามสมควรให้เหมาะสมกับตลาด ก็จะช่วยเกษตรกรอยู่ได้

“ตอนนี้หัวใจสำคัญอยู่ตรงนี้เลยทีเดียว เศรษฐกิจฐานรากก็ขึ้นอยู่กับตรงนี้ เชื่อว่าถ้าเราดูแลการผลิตของเราดีๆ ตอนนี้ เมื่อเหตุการณ์โควิด-19 ลดน้อยลง เราก็มีโอกาสเป็นประเทศหนึ่งที่ส่งออกพืชผลการเกษตรออกไปได้เยอะ แต่ขอให้เราปรับปรุงคุณภาพการผลิตให้ดี พร้อมจะส่งออกไปให้ประเทศที่ขาดแคลนจากนี้ไป ก็คิดว่าจะทำให้ฐานรากของเราไม่กระทบรุนแรงเท่าไร”

บุญชัย กล่าวว่า ตอนนี้กำลังซื้อในตลาดหายไปเยอะ เนื่องจากคนไม่มีงานทำ พืชผลขายไม่ออก คนในกรุงเทพฯ ก็ไม่มีงานทำต้องกลับบ้านเยอะ แต่สินค้าของเราเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องบริโภค แม้กำลังซื้อน้อยแต่ก็ต้องซื้อ เราก็พยายามขายซัพพลายให้ได้ แล้วราคาต้องไม่ขึ้น มีของแถม ราคาถูกลง อย่างมาม่าก็ขายให้ถูกลง มาม่าคัพก็เหลือ 10 บาท ประชาชนที่ขาดแคลนในช่วงนี้ก็มีโอกาสซื้อของได้ถูกลง แต่กำลังซื้อก็คงไม่ดีแน่นอน

ดังนั้น ช่วงนี้ตนเองเสนอว่าควรจะใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเอง อย่าซื้อของอะไรต่างๆ ที่ไม่จำเป็น หันมาซื้อของที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อการครองชีพ หาของที่ดีๆ มารับประทาน ของฟุ่มเฟือยที่เคยใช้ก็อย่าไปใช้ อย่าเพิ่งไปซื้อช่วงนี้ หรือไปกู้เงินมาซื้อของที่ไม่จำเป็น

และตอนนี้คนไทยยังมีความนิยมจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่นำเข้า เช่น เราซื้อผลไม้จากต่างประเทศ ในขณะที่ผลไม้ไทยก็มีเยอะแยะ แต่ขายไม่ออกเลยในตอนนี้ ก็อยากให้ผู้ประกอบการที่นำสินค้าพวกนี้เข้ามา หันมาเอาสินค้าพืชผักผลไม้ในประเทศมาขายให้ประชาชน ดีกว่าที่จะไปเอาสินค้านำเข้าผลไม้จากประเทศอื่นเข้ามา ก็จะช่วยให้เกษตรกรสามารถระบายสินค้าพืชผักผลไม้ที่ตัวเองผลิตได้ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในระยะนี้ ก็อยากให้คนส่วนใหญ่หันมาช่วยกันซื้อของไทยดีกว่า

“คิดว่าเราต้องหันมาใช้ของไทยกัน คือ ประเทศไทย 70-80% ส่งออก แต่ประเทศที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง คือ สินค้าของเขาประเทศนั้น เขาบริโภคในประเทศในอัตราที่สูง พึ่งพาการส่งออกน้อยๆ ประเทศนั้นอยู่ได้ มั่นคง ประชาชนก็อยู่ดีกินดี แต่เมื่อเราพึ่งพาต่างประเทศมาก ส่งออกมาก พอต่างประเทศมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เราก็กระทบไปด้วยเสมอ คิดว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ไทยต้องพึ่งพาตัวเองมากกว่าเดิม พยายามให้ประชาชนบริโภคของในประเทศ อย่าเพิ่งไปทาน อย่าใช้ของต่างประเทศ รู้จักประหยัด รู้จักการเก็บออม ไม่ไปกู้เงินมาซื้อของฟุ่มเฟือย จะได้ไม่มีหนี้สินครัวเรือนเยอะจนเกินไปแบบทุกวันนี้”

บุญชัยยังกล่าวถึงการที่ผู้บริโภคปรับตัวเข้าสู่ New Normal ว่า บริษัทสหพัฒน์ก็ต้องปรับตัวในการสั่งสินค้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สมัยก่อนเขาอาจสามารถซื้อสินค้าแพง หรือสินค้าฟุ่มเฟือยได้ แต่จากนี้ไปตนเองเชื่อว่าผู้บริโภคคงจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มีความระมัดระวังในการซื้อของมากขึ้น จะซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น ซื้อของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร หรืออาหารเสริมที่มีประโยชน์ ที่ไม่แพงเกินไป

เพราะฉะนั้นเราต้องดูตัวเองว่าถ้าจะออกสินค้าใหม่ ก็ควรออกสินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค ไม่ใช่ของกินเล่น เพื่อความสนุกสนานร่าเริง หรือเป็นของมึนเมา เราจะไม่ทำเด็ดขาด เราก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเหมือนกัน อย่างบะหมี่ซื่อสัตย์ เป็นสินค้าที่ไม่ใส่ผงชูรส นี่คือสิ่งหนึ่งที่ตนอยากทำ สหพัฒน์คงต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยนโยบายส่วนตัวเป็นอย่างนี้ ต้องทำของดีอยู่เสมอ แล้วก็ไม่แพง ไม่อาเปรียบประชาชน ขอให้ประชาชนทานแล้วสุขภาพดี มีประโยชน์ อย่างทำโยเกิร์ตจากถั่วเหลือง ยี่ห้อริวอง แตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไปที่ทำจากนม แล้วมีโปรตีนสูงมาก

สำหรับในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวยาว บุญชัยแนะนำผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายให้มาก ถ้าตกงาน ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองว่าอาจเปลี่ยนอาชีพได้ อย่าอยู่เฉยๆ คอยรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล รับมาได้ แต่ต้องคิดว่าเราจะมีช่องทางอีกหรือไม่ที่จะทำธุรกิจที่เราไม่เคยทำมาก่อน มีหลายคนที่เปลี่ยนไปทำธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็ทำได้ดีด้วย

เลือกทำในธุรกิจที่อย่าเสี่ยง อย่าไปลงทุนไปกู้เงินมาทำ ดูตลาดดีๆ จะเป็นของกินของใช้ ดูว่าสินค้าที่ทำออกมา ผู้บริโภคทานแล้วชอบมั้ย อย่าทำออกมาเพราะตัวเราชอบ เราต้องสนใจว่าผู้บริโภคต้องชอบ แล้วอยากทานบ่อยๆ ถ้าเราทำเพราะเราชอบ แต่ผู้บริโภคไม่ซื้อ เราก็แย่เพราะลงทุนไปแล้ว แล้วการลงทุนอย่าลงทุนมาก อย่าเสี่ยงกับการใช้เงิน กู้เงินมาลงตรงนี้ ทำธุรกิจเล็กๆ ขึ้นไปดีกว่าที่จะลงทุนทำอะไรใหญ่โตในช่วงนี้ ให้ทำธุรกิจที่ประชาชนหรือผู้บริโภคสนใจ แล้วจะซื้ออย่างต่อเนื่อง  @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น