Mindset ใหม่ที่ SME ต้องปรับ เพื่อขยับเติบโตยั่งยืน

ผู้ประกอบการ SME ในบ้านเราจะต้องมีการปรับเปลี่ยน Mindset อย่างไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่หวังผลเพียงแค่รายได้กับกำไรเท่านั้น

ชณินทร สินวัต ที่ปรึกษาการวางกลยุทธ์การสื่อสารด้านสร้างชื่อเสียงองค์กร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจก็คือการหวังเรื่องผลกำไร แต่จะทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ได้หมายถึงรายได้กับกำไรเท่านั้น แต่เป็นการยั่งยืนในตลาด

SME บ้านเรามีศักยภาพมากในเรื่องของนวัตกรรม คนไทยเก่งมากในการพัฒนา ปรับเปลี่ยน และเข้าใจลูกค้า ถือว่า
มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วในการพัฒนาธุรกิจในแง่ที่จะมุ่งหวังผลกำไร แต่อยากให้เสริมในแง่ของการเติบโตอย่างยั่งยืนเข้าไปด้วย

ในต่างประเทศเวลาที่เขาจะพัฒนาธุรกิจนั้น เขาไม่ได้มองแค่ผลกำไรตอบแทนอย่างเดียว แต่การจะทำธุรกิจให้เติบโต
เขาจะมองเรื่องชื่อเสียงขององค์กรเป็นอันดับแรก ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์อยู่ได้นาน เพราะเมื่อไรที่ผู้บริโภคเชื่อถือในแบรนด์ เชื่อถือในองค์กร เชื่อถือในตัวผู้บริหาร แม้เขาจะทำธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน คนก็จะไม่ซ้ำเติม แต่คนจะให้ความเห็นใจ และพร้อมที่จะสนับสนุน เพราะมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และค้นพบว่าไม่ว่าคนๆ นี้จะทำธุรกิจอะไรก็จะมีวิชั่นในการที่จะให้กับสังคม ให้กับผู้บริโภคจริงๆ

ชณินทร สินวัต

ในต่างประเทศเขาจะมองว่าธุรกิจนั้นมีทั้งวันที่รุ่งและวันที่จะฟุบ ในเวลาที่ฟุบ แล้วเราไม่ได้สร้างชื่อเสียงไว้ เวลาที่มีปัญหา คนก็จะไม่รู้จักเรา ไม่รู้ว่าผู้บริหารคนนี้มีวิชั่นอย่างไร มีพันธกิจในการที่จะสร้างความเติบโตหรือสิ่งที่ดีให้สังคมอย่างไร ก็จะไม่มีความเชื่อมั่นให้แบรนด์นี้

ส่วนกลยุทธ์ในการแข่งขัน ถ้าเราแทบจะไม่มีใครรู้จัก เขาก็จะไม่รู้เลยว่าเราต่อสู้บนพื้นฐานอะไร เก่งแค่ไหน มีวิชั่นแบบไหน ผู้บริหาร SME หลายคนทำตัวแบบ Low Profile ไม่อยากจะพูดอะไร ทำมาหากินอย่างเดียว ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ถูกมองว่ามุ่งแต่จะค้าขายและเอากำไรอย่างเดียว

ทุกวันนี้ ผู้บริโภคไม่ได้รับสื่อด้านเดียวแล้ว แต่เป็นทั้งผู้รับสารและเป็นผู้ส่งสาร ในวันที่เรามีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้บริโภคก็เปิดช่องทางในการรับสารเยอะมาก และการรับสารของเขาก็รับทั้งบวกและลบ แต่เราไม่ได้สร้างมุมบวกของเราเลย ดังนั้นคนก็จะไม่รู้มุมบวกของเรา วิธีคิดของเราในการทำงาน วิธีคิดในการบริหารการตลาด ผลตอบรับที่กลับมาคือเราทำอยู่คนเดียว พาร์ตเนอร์ก็ไม่มี เน็ตเวิร์คกิ้งก็อาจจะหาไม่ได้ ซึ่งเน็ตเวิร์กกิ้งก็เป็นเรื่องสำคัญที่คนทำธุรกิจก็ต้องมุ่งในเรื่องนี้ด้วย

ชณินทร กล่าวว่า ในต่างประเทศจะมองการเติบโตอย่างยั่งยืนในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.เรื่องของกำไรและรายได้ที่มีอยู่ต้องคงที่ และมีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะแสดงว่าบริษัทมีความมั่นคง 2.มีการขยายธุรกิจหรือไม่ ขยายไปประเทศต่างๆ ขยายเน็ตเวิร์ค ขยายเอาท์เล็ต ขยายเครือข่ายในประเทศ 3.มี SKU ของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นหรือไม่ 4.เรื่องคนในองค์กร ยอดพนักงานในบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือไม่

ปัญหาของ SME ไทย คือ หาคนเก่งมาทำงานด้วยยาก เพราะบริษัทไม่ได้สร้างชื่อไว้ให้เป็นที่รู้จัก ประเด็นเรื่องของคนนั้นสำคัญมาก ในต่างประเทศจะมีการมอบรางวัล Employer Awards ให้กับบริษัทที่พนักงานในองค์กรมีความสุข มีความก้าวหน้าในชีวิต มี Work-Life Balance ได้ผลตอบแทนที่ดี มีการเติบโตไปพร้อมบริษัท ได้ความรู้มากขึ้น เก่งกาจมากขึ้น

ที่ประเทศสิงคโปร์จะมีการมอบรางวัลให้กับแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคจะเป็นคนโหวตให้ และแบรนด์นั้นสามารถนำรางวัลที่ได้ไปต่อยอดทำมาร์เก็ตติ้ง หรือเอาไปทำโปรโมชั่นให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม เช่น ให้ผู้บริโภคร่วมถ่ายรูปกับแบรนด์ที่ได้รางวัลแล้วส่งมาเล่นเกม เพื่อรับเงินที่เขาจะแจกให้

การที่บริษัทได้รับรางวัลนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะถ้าเป็นรางวัลระดับสากล เพราะเท่ากับการันตีว่าได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ จะช่วยให้การไปทำธุรกิจร่วม หรือมีพาร์ตเนอร์ในประเทศนั้นทำได้ง่ายขึ้น และจะตามมาด้วยผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

สมมติเขามีเกณฑ์ในการได้รับรางวัล 5 อย่าง ถ้าแบรนด์ทำได้ 3 ใน 5 ก็ได้รับรางวัลแล้ว แต่บางคนไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้เลย เน้นแต่กำไรขาดทุนอย่างเดียว ซึ่งการได้รางวัลจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายในอนาคตได้ รวมทั้งมีชื่อเสียงที่อยู่ในใจผู้บริโภคด้วย

SME ในบ้านเราไม่ค่อยจะทำเรื่องการสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ ชื่อเสียงขององค์กร ชื่อเสียงของผู้บริหาร จะเน้นทำมาหากินอย่างเดียว ถ้าวันหนึ่งแบรนด์นั้นมีปัญหา คนก็อาจเชื่อข่าวลบนั้นเลย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ถ้าผู้บริหารของแบรนด์นั้นเป็นที่รู้จัก ก็จะมีเสียงค้านว่าไม่จริง คนนี้เป็นคนดี เขาไม่ทำแบบนั้น นี่คือความสำคัญของการไม่ทำตัวแบบ Low Profile ต้องทำให้คนรู้จักบ้าง ถ้าทำมาหากินอย่างเดียว คนก็จะมองว่าคุณมีแต่รับ แต่ไม่เคยทำอะไรให้สังคมเลย

“ดังนั้น วันนี้ SME บ้านเราต้องมีการปรับ Mindset ให้คนได้เห็นว่าคุณได้ให้อะไรหรือทำอะไรกับแบรนด์ของคุณเอง สินค้านี้ให้อะไรกับผู้บริโภค ทำอะไรให้คนเห็นแล้วมั่นใจว่าแบรนด์ของคุณจะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ถ้าแบรนด์นี้จะอยู่อีก 10 ปี 20 ปีข้างหน้า คุณต้องทำหลายเรื่องรอบๆ ตัวแบรนด์ ไม่ใช่ทำมาหากินอย่างเดียว แต่ต้องทำให้คนรู้จักตัวคุณ แบรนด์ของคุณ วิธีการบริหาร วิธีคิดของคุณ”

SME หลายคนอาจละเลย อยาก Low Profile อยากทำธุรกิจ แต่เวลาเราทำงานเราอาจต้องมองหลายๆ มิติไปด้วยกัน
เพื่อให้เวลาที่ธุรกิจโตขึ้นไป จะไม่ได้ทุ่มเทน้ำหนักไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะทุกๆ มิตินั้นมีส่วนในการเสริมให้การทำธุรกิจของเราเติบโตจริงๆ และหลายคนก็เห็นว่าเรื่องการสื่อสารจะเป็นตัวช่วยทำให้สิ่งที่เราพูดอยู่คนเดียวนั้นชัดเจนขึ้น
และคนก็พร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนเรามากขึ้น

“อยากจะย้ำว่าในการทำธุรกิจของ SME ขอให้มองเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน ขอให้ทำในการทำงานบริหารทุกมิติ อย่าทำแค่มิติเดียว ขอให้คุณได้แสดงตัวตนในภาพการตลาดหรือการแข่งขันของคุณ ให้คนเห็นคุณชัดขึ้น และเชื่อว่าในการทำธุรกิจ จะมีคนวิ่งเข้ามาหาคุณและซัพพอร์ตคุณ แม้กระทั่งคนที่มาช่วยคุณทำ คนดีๆ จะวิ่งเข้ามา” ชณินทร กล่าว

@

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น