PWP เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ตั้งเป้าโต200%สวนกระแสเศรษฐกิจ

ภาพจาก aeccos.com

PWP เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ตั้งเป้าปีนี้โต 200% แม้เศรษฐกิจชะลอตัว ใช้กลยุทธ์ โพรดักส์ที่แตกต่าง แพคเกจจิ้งไม่เหมือนใคร ราคาจับต้องได้

ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัว แต่ธุรกิจเครื่องสำอางกลับสวนกระแส ไม่ซบเซาอย่างที่คิด นภัทร สมหวังสกุล Chief Marketting Officer บริษัท เออีซี อินโนเวชั่น คอส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทย ภายใต้ชื่อแบรนด์ PWP กล่าวว่า ถึงแม้ว่าคนอาจจะเครียดจากสภาพเศรษฐกิจ แต่ก็ยังอยากที่จะดูแลตัวเอง ทำให้ธุรกิจเครื่องสำอางไม่ได้รับผลกระทบ บางช่วงอาจมีขึ้นๆ ลงๆ บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าโอเค เรายังไปได้ต่อ และกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นภัทร กล่าวว่า PWP เข้าสู่ธุรกิจเครื่องสำอางเป็นปีที่ 6 แล้ว ที่สนใจทำธุรกิจนี้เพราะมองว่าทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดูดี มีผิวหน้าที่ดี ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่ว่าอายุเท่าไร จึงมองว่าธุรกิจเครื่องสำอางยังไปได้อีกไกล และเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตมาก ซึ่งการเติบโตของยอดขาย PWP มาจากโพรดักส์ที่แตกต่าง แพคเกจจิ้ง สารสกัด และราคา

PWP ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะโต 200% แต่ตอนนี้ยังไม่ครบ 4 ไตรมาส อยู่ที่ไตรมาส 3 เราก็โต 200% แล้ว ที่โตได้ขนาดนี้ก็เพราะสินค้าของเรามีนวัตกรรมต่างๆ รวมไปถึงสารสกัดที่ใช้ และสินค้าเราเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ราคาที่จับต้องได้ ผู้ใช้ใช้แล้วเห็นผล ปากต่อปากบอกต่อ มันยิ่งทำให้ตลาดเราโตอย่างรวดเร็ว” นภัทร กล่าว

นภัทร สมหวังสกุล

นภัทร กล่าวว่า เซรั่มทาหน้า เราใช้แพคเกจจิ้งเป็นเข็มฉีดยา แทนที่จะเป็นขวดแบบแบรนด์อื่น เป็นการสร้างความแตกต่างในตัวโพรดักส์ ส่วนราคาก็ขายเพียง 180 บาท ที่ขายในราคาถูกได้ เนื่องจากเรามีโรงงานเอง เป็นโรงงานที่รับผลิตโออีเอ็ม และผลิตสินค้าของเราเอง อยู่ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เรามีทีมวิจัย และสารสกัดต่างๆ ที่ใช้ก็คัดสรรมาอย่างดี ดังนั้นต้นทุนของเราจะถูกกว่า ใช้แล้วเห็นผลจริง เราจึงเจาะกลุ่มควักง่าย จับจ่ายซื้อง่าย

กลุ่มเป้าหมายของ PWP นั้น เป็นผู้หญิง 80% ผู้ชาย 20% อายุประมาณ 22-45 ปี เหมาะสำหรับหนุ่มสาว วัยทำงาน หรือแม่บ้าน ซึ่งการลดต้นทุนเพื่อให้ราคาแข่งขันได้นั้นถือว่ามีความจำเป็นในยุคนี้ เพราะอาชีพอื่นๆ รายได้ค่อนข้างจะถดถอย ดังนั้น ถ้ามีอะไรที่เขาใช้ได้ และซื้อได้อย่างสบายใจ ก็จะเป็นหนทางที่ดีมากกว่า ที่สำคัญสินค้าของเราเมดอินไทยแลนด์ เราอยากจะผลิตออกมาเพื่อให้คนไทยลองใช้สินค้าไทยที่มีมาตรฐานระดับเคาน์เตอร์แบรนด์

แบรนด์ PWP มีทาร์เก็ตอยู่ที่ต่างชาติ 70% ในเมืองไทยแค่ 30% โดยเฉพาะคนจีนนั้นชอบมาก ซึ่งเรายังไม่ได้ทำการตลาด แต่คนจีนเขามาเจอ และสะดุดตาแพคเกจจิ้งที่ดูเหมือนเข็มฉีดยา พอเขาซื้อไปใช้แล้วเขาชอบ ก็บอกกันต่อปากต่อปาก แล้วไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียของเขา ทำให้มีคนเห็นเยอะ ซึ่งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แพคเกจจิ้งแบบนี้ยังไม่มี เราเป็นรายแรกที่นำแพคเกจจิ้งเข้ามาในเมืองไทย

ภาพจาก aeccos.com

ส่วนการทำการตลาดนั้น นภัทร กล่าวว่า Influencer Marketing ก็มีบ้าง เพราะสมัยนี้การตลาดค่อนข้างแข่งขันสูง
ทั้งดารา เน็ตไอดอล แต่ส่วนใหญ่ของ PWP จะเป็นผู้ใช้จริงมารีวิวให้มากกว่า และจากผู้ใช้กลายมาเป็นดีลเลอร์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนไทย ต่างชาติก็มาซื้อ จากประเทศจอร์แดนบินมาซื้อที่คิงพาวเวอร์ เพราะเขาไปเจอแล้วเห็นแพคเกจน่าสนใจ ก็ซื้อกลับไปใช้ พอใช้เองแล้วดี เขาก็สนใจว่าน่าจะทำเป็นธุรกิจได้ เขาก็ติดต่อมา ตอนนี้มีจอร์แดน จีน ฮ่องกง เวียดนาม และเรากำลังจะบุก กัมพูชา ลาว

ช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นมีทั้งผ่านเอเยนต์ แล้วก็ขายออนไลน์ด้วย โดยตัวแทนเป็นดีลเลอร์รับไปจำหน่ายออนไลน์
ซึ่งจะมีแพคเกจจิ้งที่แยกออกไปสำหรับออนไลน์ แต่ขายในราคาเท่ากัน นอกจากนี้ ยังมีโมเดิร์นเทรดต่างๆ ซึ่งเกือบจะ
ครอบคลุมหมดแล้ว ร้านบู๊ทส์ คิงพาวเวอร์ มัตสึโมโตะ ซูรูฮะ และเราวางแผนจะมีเคาน์เตอร์แบรนด์ของตัวเองในปีหน้า ตอนนี้เริ่มติดต่อตามศูนย์การค้าแล้วว่า เราจะเปิดช็อปที่ไหนบ้าง

“ความหวังของเราคืออยากจะมีช็อปในห้างสรรพสินค้า จุดมุ่งหมายของเราคืออยากจะเป็นแบรนด์ไทย ที่คุณภาพสินค้าเราเทียบเท่ากับเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ราคาจับต้องได้ เอื้อมถึงได้” นภัทร กล่าว

นอกจากนี้ PWP กำลังจะเข้าไปขายในคอนวีเนียนสโตร์ ส่วนร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้เราอยู่ในโซน 24 Shopping
ในเซเว่นอีเลฟเว่น และกำลังดำเนินการที่จะเอาเข้าเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา ซึ่งการที่ PWP ขยายช่องทางขาย แม้จะ
ทำให้มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้น แต่ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการตั้งราคาสินค้าในอนาคต ยังสามารถขายสินค้าได้
ในราคาเดิม

การจะสร้างแบรนด์อิมเมจให้คนไทยเชื่อถือแบรนด์ PWP นั้น นภัทร กล่าวว่า คนไทยจะไม่นิยมใช้สินค้าเมดอินไทยแลนด์ แต่ชาวต่างชาติจะชอบใช้ของไทยมาก ตอนนี้ก็พยายามโปรโมทให้คนไทยเห็นว่า ภาพลักษณ์ของสินค้าแบรนด์ของเรานั้นชาวต่างชาติเขาชื่นชอบ โดยพยายามแชร์การตลาดอินเตอร์ที่เขาทำกับสินค้าของเรา เอามาให้คนไทยเห็นว่าคนต่างชาติเขายังใช้ PWP เราเป็นคนไทยเองทำไมไม่ลองใช้

“ด้วยสารสกัดที่ดีขนาดนี้ มีการการันตีปากต่อปากเยอะขนาดนี้ เอเยนต์ที่เวิร์ลไวด์มาก โกอินเตอร์ขนาดนี้ มันเป็นอย่างหนึ่งที่เขาจะต้องเปิดใจ และที่สำคัญสินค้าเราวางขายในคิงพาวเวอร์ ซึ่งไม่ใช่ใครจะไปวางขายได้ สินค้าที่เขาเอาไปวางขาย จะต้องมีมาตรฐานมากๆ” นภัทร กล่าว

ส่วนแนวคิดที่ว่าเครื่องสำอางต้องมีราคาสูงถึงจะน่าเชื่อถือนั้น นภัทร กล่าวว่า การที่เขาตั้งราคาสินค้าสูง ขึ้นอยู่กับว่า
เขาแบ่งมาร์จิ้นไว้ทำอะไร อาจแบ่งไว้ทำโปรโมชั่น ไว้ทำการตลาด วัตถุดิบของเขาอาจดีจริง แต่การวางตลาด
กลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน มันคือกลยุทธ์ของแบรนด์ ซึ่ง PWP วางกลุ่มเป้าหมายที่แมสมากกว่า ส่วนแบรนด์ที่ราคาแพงก็อาจไปเจาะกลุ่มไฮเอนด์ แต่ความจริงแล้วสารสกัดทุกอย่างของ PWP ไม่แตกต่าง ทุกอย่างเหมือนกัน แต่เราบริหารต้นทุนได้ ราคาจึงออกมาจับต้องได้ @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น