โอกาสใหม่!! กาญจนบุรี-ทวาย ประตูสู่โลกตะวันตก

ภาพจาก Facebook : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี (PRD_KAN)

“กาญจนบุรี” จุดยุทธศาสตร์แห่งใหม่ของไทยในการขนส่งสินค้า ออกไปทางทวายของเมียนมา เปิดประตูสู่โลกตะวันตก

การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมียนมาถือเป็นอีกหนึ่งตลาด
ที่มีความสำคัญ เนื่องจากชายแดนไทยติดกับเมียนมามีความยาวมากกว่า 2,000 กิโลเมตร ตั้งแต่ภาคเหนือคือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปจนถึงภาคใต้ที่ จ.ระนอง

ผกายเนติ์ เล่งอี้ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จุดที่มีการค้าชายแดนกับเมียนมามากที่สุดคือที่ อ.แม่สอด จ.ตาก กับเมียวดี อันดับ 2 คือ ระนอง-เกาะสอง และอันดับ 3 แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก

ส่วน จ.กาญจนบุรี มีสถิติการค้าสูงเหมือนกัน แต่ฝั่งไทยจะนำเข้าเยอะ เนื่องจากไทยเราต่อท่อตรงนำเข้าก๊าซธรรมชาติ
จากเมียนมา ส่วนการส่งออกของ จ.กาญจนบุรี ยังไม่เยอะเท่าไร เนื่องจากตอนนี้ด่านต่างๆ ที่มีอยู่ มีปัญหาเรื่องความมั่นคงบ้าง เป็นด่านใหม่บ้าง และเพิ่งยกระดับเป็นด่านถาวรได้เพียง 5 ปี ยังมีการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมไม่ดีนัก

ผกายเนติ์ เล่งอี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สร้างถนน สร้างอาคารที่จะอำนวยความสะดวกต่อการค้า ผลักดันการส่งออกของไทยไปทางทวาย ซึ่งคาดว่าจะเปิดที่ทำการแห่งใหม่ของด่านศุลกากร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้ภายในต้นปีหน้า

รัฐบาลไทยได้สนับสนุนการให้เงินกู้แก่เมียนมา โดยผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ NEDA เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงการให้เงินกู้สร้างถนน จากด่านถาวรผ่านไปถึงทวายเลย

ดังนั้น จ.กาญจนบุรีจะเป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งใหม่ของไทยในการขนส่งสินค้าจากทางตะวันออกของไทยและของภูมิภาค จากประเทศเวียดนาม มากัมพูชา มาไทย แล้วออกสู่เมียนมาทางทวาย เพราะฉะนั้นกาญจนบุรีจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ไทยจะผลักดันสินค้าและบริการของไทยไปออกทางซีกโลกตะวันตก ซึ่งฝั่งเมียนมาก็เห็นความสำคัญตรงนี้ จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะรับเงินเพื่อไปบริหารจัดการ สร้างถนน เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในเขตเมียนมา

ผกายเนติ์ คาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างถนนได้ต้นปีหน้า ขณะที่สถานการณ์การค้าชายแดนตรงพุน้ำร้อน ซึ่งเป็นด่านถาวร
ระหว่างกาญจนบุรีกับเมียนมา ฝั่งไทยยังส่งออกไม่มากนัก แต่เรากำลังจะให้ผู้ประกอบการของไทยและเมียนมาเตรียมความพร้อมที่จะรองรับเศรษฐกิจที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อถนนเสร็จ หรือดีขึ้นกว่าตอนนี้

เพราะตอนนี้ฝั่งเมียนมายังเป็นถนนลูกรัง เวลาฝนตกอันตรายมาก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำการค้าในช่วงเวลาหนึ่ง
ทั้งที่ความจริงแล้วจุดนี้จะเป็นจุดที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดที่จะส่งสินค้าไปเมียนมาได้ และยังเป็นจุดเชื่อมโยงต่อไปถึงเมาะละแหม่ง เมาะลำไยของรัฐมอญ และเชื่อมการขนส่งไปที่ย่างกุ้ง บินตรงไปออกที่มัณฑะเลย์ สามารถทำได้โดยง่าย

“เมื่อเรามี facility พร้อมขนาดนี้ นอกจากนี้ เรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษของกาญจนบุรีที่อยู่ติดพรมแดนกับเมียนมาด้วย
ตอนนี้เราสร้างมอเตอร์เวย์จากกรุงเทพฯ ไปกาญจนบุรี ใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าจะเปิดทำการใช้ได้ปีหน้า ซึ่งถ้ามอเตอร์เวย์นี้เปิดใช้ก็จะย่นระยะเวลาการเดินทางเหลือเพียง 45 นาที ไม่ถึง 1 ชั่วโมง” ผกายเนติ์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ ผกายเนติ์ไปทำงานที่นครย่างกุ้ง เป็นอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ ประจำการอยู่ที่นั่น 3 ปี 7 เดือน จากนั้นจึงย้ายมาเป็นพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้มีความเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของผู้ประกอบการและ
ชาวเมียนมา เมื่อมาประจำการที่กาญจนบุรีซึ่งอยู่ติดกับเมียนมา จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะนำประสบการณ์ที่มี มาผลักดันการค้าชายแดนด้านกาญจนบุรี-เมียนมา ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

ผกายเนติ์ กล่าวว่า ปัจจัยแรกๆ ที่นักการตลาดที่จะเข้าตลาดเมียนมาต้องพิจารณาก็คือการทำซีเอสอาร์ให้กับประเทศนี้ เพราะเมียนมาเพิ่งเปิดประเทศได้ 7-8 ปี ยังมีปัญหาหลายอย่างที่รอการช่วยเหลือ เมื่อเมียนมาเห็นว่าเรามีความจริงใจ ก็จะรักใคร่ชอบพอและให้ความร่วมมือกับเราเกือบทุกด้านเลย

โดยวันนี้ (13 ก.ย.2562) จังหวัดกาญจนบุรีได้ทำกิจกรรมซีเอสอาร์กับฝั่งทวาย ภาคตะนาวศรี คือการบริจาคสิ่งของ
เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมฝั่งทวาย ซึ่งการทำซีเอสอาร์ดังกล่าวส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยดีมากต่อชาวเมียนมา ซึ่งมุขมนตรีภาคตะนาวศรีได้ส่งผู้แทนมาร่วมรับมอบของบริจาคที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นผู้ทำพิธีส่งมอบ

ภาพจาก Facebook : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี (PRD_KAN)

ทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ร่วมกับภาคเอกชน 7 องค์กร ร่วมกันจัดงานสัมมนา “กาญจนบุรี-ทวาย ประตูสู่โลกตะวันตก” ขึ้นในวันอังคารที่ 24 กันยายน 2562 เวลา 08.30-16.30 น. ณ โรงแรม RS ราชศุภมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญด้านนี้ อาทิ อดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้า
ต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, พีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ NEDA, ณรงค์ ป้อมหลักทอง ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านทวายโปรเจกต์ การพัฒนาทวาย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ในภาคเอกชน มาให้ความรู้

นอกจากนี้ ยังมีผู้ปฏิบัติจริงในการค้าชายแดนแถบนี้มาพูดถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการที่สนใจจะทำการค้ากับฝั่งเมียนมา
ได้ฟังด้วย รวมทั้งเชิญนักธุรกิจฝั่งเมียนมาที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่เข้าร่วมงาน ซึ่งภายในงานจะมีการนำสินค้าของไทยมาจัดแสดงด้วย

จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการในประเทศไทยที่มีความตั้งใจจะทำการค้าในระดับนานาชาติเข้าร่วมรับฟังข้อมูลต่างๆ
เพราะ จ.กาญจนบุรี เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาก และจะเป็นประตูไปสู่โลกตะวันตก ดังนั้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ของจุดส่งออกของไทยในการทำการค้ากับฝั่งเมียนมา เมื่อได้เห็นข้อมูลต่างๆ และมีการเตรียมความพร้อม เมื่อเวลามาถึง ผู้ประกอบการก็สามารถทำการค้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาอีก

สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการสัมมนาได้ที่โทรสารของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หมายเลข 034564293 หรือสมัครทางอีเมล์ kj_ops@moc.go.th หรือโทรศัพท์มาได้ที่หมายเลขเดียวกับโทรสาร จะปิดรับสมัครวันที่ 20 กันยายนนี้ รับที่ 250 คน ตอนนี้มีผู้สมัครแล้วมากกว่า 150 คน ส่วนผู้ที่สนใจจริงๆ จะวอล์คอินมาก็ได้

ผกายเนติ์ กล่าวว่า เมียนมาเพิ่งเปิดประเทศ เป็นน้องใหม่ที่เข้ามาอยู่ในประเทศระดับสากล ดังนั้น โอกาสการค้าการลงทุนจึงมีมาก เพราะเขายังผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ประเทศไทยทำ หากเราจะเข้าไปลงทุน ไปตั้งโรงงาน หรือไปทำอะไร ในช่วงนี้เขาเปิดรับมาก เพราะเขาต้องการดึงเม็ดเงินลงทุนจากชาวต่างชาติ @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น