กลยุทธ์การตลาด ”ชาวนา ข้าวไทย” ชาวนา-ผู้บริโภค วินวิน

ข้าว กข43 แบรนด์ “ชาวนา ข้าวไทย” ใช้กลยุทธ์ขายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ พร้อมประกันราคาให้ชาวนาที่ร่วมโครงการตันละ 1 หมื่นบาท ที่ความชื้น 15%

คนไทยบริโภค“ข้าว”เป็นอาหารหลัก ซึ่งข้าวที่คนไทยนิยมรับประทานมีมากมายหลายชนิด แต่ข้าวพันธุ์ กข43 เป็นข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นข้าวเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 57.5 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก หรือคนที่เป็นเบาหวานก็สามารถรับประทานได้

ชญานิษฐ นาควัชระ ที่ปรึกษาผู้ประกอบการ SME และฝ่ายส่งเสริมการตลาด ข้าว กข43 แบรนด์ “ชาวนา ข้าวไทย” กล่าวว่า แบรนด์“ชาวนา ข้าวไทย” เป็นข้าวของสมาคมชาวนา ข้าวไทย เป็นนาแปลงใหญ่ และเป็นการร่วมมือกันของกลุ่มชาวนาหลายๆ จังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก การันตีปลอดสารพิษ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นออร์แกนิก

ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทะเบียน มีพันธะสัญญาใจว่าจะต้องดูแลปลูกข้าวให้ถูกสุขลักษณะ ตามกรรมวิธีที่ถูกต้อง เพราะเราจะมีกระบวนการมาตรฐานรองรับ ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การอบ จนถึงการบรรจุถุง โรงสีข้าวก็เป็นโรงสีที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคจริงๆ และจะไม่พ่นสารกันมอดด้วย

ชญานิษฐ นาควัชระ

ชญานิษฐ กล่าวว่า ข้าวของสมาคมชาวนา ข้าวไทย ทำการตลาดกันเอง จึงตัดตอนคนกลางออกไปได้เยอะมาก โดยตนเองเข้าไปช่วยสมาคม ผ่านบริษัทตลาดเกษตรCenter ซึ่งบริษัทตลาดเกษตรCenter ทำตลาดมาได้สักระยะ

ต่อมาบริษัทก็เปลี่ยนนโยบายการตลาดใหม่ เมื่อรัฐบาลมีโครงการธงฟ้าประชารัฐ มีการอัดฉีดเงินเข้ามาให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งผู้ถือบัตรส่วนใหญ่จะไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต เงินก็จะไปอยู่ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่

เราก็อยากให้ชาวนาได้มีส่วนแบ่งตรงนี้บ้าง จึงสนับสนุนให้ร้านธงฟ้าประชารัฐมีส่วนร่วมในการจำหน่ายข้าว กข43 ด้วย ซึ่งเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ในช่วง 5 วันแรก สามารถขายข้าวได้ถึงครึ่งตันผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ

ตอนนี้มีโปรโมชั่นสำหรับผู้บริโภคคือ โครงการชาวนาท้ากินข้าว กข43 ไม่ว่าผู้บริโภคจะรับประทานข้าวอะไรอยู่ ให้มาที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่จำหน่ายข้าว กข43 แล้วเอาถุงข้าวเดิมมาแลกซื้อ จะได้ส่วนลด 5 บาท เพื่อให้แต่ละบ้านทดลองรับประทานข้าวนี้ดู

ชญานิษฐ กล่าวว่า ข้าว กข43 ที่ผลิตจากชาวนาโดยสมาคมชาวนา ข้าวไทยนั้น เมื่อชาวนานำข้าวเปลือกไปขายโรงสี ชาวนาจะได้เงินจากโรงสีเร็ว และมีการประกันราคาให้ตันละ 1 หมื่นบาท ที่ความชื้น 15% เพราะฉะนั้นถ้าชาวนาทำข้าวมาคุณภาพดีก็ได้ 1 หมื่นบาทแน่นอน ขายได้สูงกว่าราคาปกติที่ขายเอง ซึ่งจะได้ไม่ถึง 8 พันบาท ส่วนเรื่องออเดอร์เราจะเป็นคนหา แล้วสั่งโรงสีให้สีข้าว เราผลิตแบบ Make to Order เพราะไม่อยากแบกสต๊อก เนื่องจากยิ่งอยู่นานข้าวยิ่งเสื่อมสภาพ

สำหรับช่องทางจำหน่ายข้าว กข.43 แบรนด์“ชาวนา ข้าวไทย” คือ มีขายที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ และตามร้านที่ขายส่งข้าวทั่วไป แต่จะไม่วางในร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทั่วไป เพราะจะให้ผู้ประกอบการชุมชนได้โอกาสในการทำรายได้เพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้มีร้านธงฟ้าประชารัฐประมาณ 8 หมื่นร้านค้าทั่วประเทศ เป้าหมายในการจำหน่ายอยู่ที่ 1 ล้านถุงต่อเดือน

โดยข้าวบรรจุถุง 5 กิโลกรัม ราคาขายปลีกถุงละ 195 บาท จากเดิมขาย 279 บาท เพื่อให้คนได้มีโอกาสได้รับประทานข้าวดี ถือเป็นการแบ่งปันจากชาวนา แล้วเราก็มาเชื่อมโยงร้านธงฟ้าประชารัฐให้ช่วยชาวนาอีกที

มีการคำนวณโดยเฉลี่ยชาวนามีพื้นที่ 30 ไร่ เขาจะมีรายได้ 2 แสนบาทต่อรอบ ซึ่งข้าว กข 43 ปลูกได้ 3 รอบต่อปี ใช้เวลาเพียง 95 วัน ขณะที่ข้าวทั่วไปใช้เวลา 120 วัน ทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 รอบ และใช้เวลาเร็วขึ้นด้วย ปีนี้ตั้งเป้าจะช่วยชาวนาได้ประมาณ 3 พันครัวเรือน แต่เราจะขยายฐานผู้ผลิต ขยายแปลงนาไปเรื่อยๆ

ชญานิษฐ กล่าวว่า ข้าว กข 43 แบรนด์“ชาวนา ข้าวไทย” อยู่ในรายการของกรมการค้าภายในแล้วเป็นสินค้าธงฟ้า ดังนั้นสามารถสั่งผ่านโครงการธงฟ้าประชารัฐได้ และตอนนี้เรากำลังเปิดรับตัวแทนจำหน่ายระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เพราะกำลังขยายตลาด โดยเริ่มที่ จ.สมุทรปราการก่อน เพราะต่างจังหวัดยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เราต้องการจะกระจายสินค้าให้ทั่วถึงทุกชุมชนใน 77 จังหวัด @

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น