นำสินประกันภัย ปรับใหญ่“รีแบรนด์”รับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

นำสินประกันภัย

“นำสินประกันภัย” รีแบรนด์ครั้งใหญ่ นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือ disruption ที่อาจเกิดขึ้นได้

“วรวัจน์ เจริญชัยพงศ์” กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันและเป็นโลกของเทคโนโลยี หลายครั้งที่เราจะเห็นการ disrupt (การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง ทำให้บางอย่างล้มหายตายจากไป) ของธุรกิจที่ไม่มีการปรับตัว

ดังนั้น นำสินประกันภัยจึงรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 70 กว่าปี เนื่องจากธุรกิจประกันภัยก็มีแนวโน้มที่จะเกิด disruption ได้ แต่ยังไม่ใช่ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากยังมีหลายอย่างที่ AI หรือเทคโนโลยีจะเข้ามาทำงานแทนคนในส่วนนี้ได้ เช่น การตรวจสอบอุบัติเหตุ การเจรจาเรื่องกฎหมายจราจร หรือ การขึ้นศาล แต่นำสินฯ ก็ต้องเตรียมพร้อมไว้

รีแบรนด์ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโลโก้ แต่ต้องเปลี่ยนจิตวิญญาณ เปลี่ยนทัศนคติพนักงาน

“วรวัจน์” กล่าวถึงการรีแบรนด์ว่า สิ่งแรกที่เห็นชัดเจนคือการเปลี่ยนโลโก้ ที่ปรับให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น มีการเพิ่มสีส้มเข้าไป และลดโทนความเข้มของสีน้ำเงิน เพื่อแสดงออกถึงความกระตือรือร้นในการทำงาน แต่ยังคงความมั่นคงแข็งแรง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรีแบรนด์จะต้องเปลี่ยนจิตวิญญาณ เปลี่ยนทัศนคติของพนักงาน ซึ่งก็หมายถึงทัศนคติของบริษัทว่า ต่อไปนี้เราต้องแข่งขันในลักษณะไหน บริการคู่ค้าของเราในลักษณะไหนถึงจะได้ใจลูกค้า

โดยเราพยายามจะปรับตัวเองให้เป็นบริษัท NSI ประกันภัย แต่เบื้องต้นเรายังมีลูกค้าเก่าที่ยังติดกับชื่อนำสินฯ อยู่ เราจึงใช้ชื่อ NSI นำสินประกันภัย ไปสักระยะเวลาหนึ่ง จนผู้บริโภคหรือผู้ค้าเริ่มคุ้นชิน เราก็จะเรียกตัวเองว่า NSI เพื่อให้ดูเป็นสากล

ปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น

นอกจากการเปลี่ยนโลโก้แล้ว “วรวัจน์” กล่าวว่า บริษัทยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานมากขึ้น ทั้งเรื่องการขาย การบริการหลังการขาย รวมถึงการบริหารที่ไม่เกี่ยวกับการขาย สำหรับการบริการด้านการขาย บริษัทได้เพิ่มช่องทางดิจิทัลมากขึ้น โดยมีความมุ่งหวังว่าจะทำให้เกิดกรมธรรม์ในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Policy ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน

โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบเอกสาร เป็นการดูผ่านระบบแทนการดูเอกสารตัวจริง ซึ่งการส่งเอกสารมาจากต่างจังหวัดต้องใช้เวลา เพื่อให้การจ่ายสินไหมทำได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ บริษัทยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อแจ้งข้อมูลอู่ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเพื่อความสะดวกของผู้ใช้บริการ รวมทั้งใช้แจ้งเหตุได้ และเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้โปรโมทแอพพลิเคชั่น “Me Claim” ที่ประชาชนสามารถแจ้งทั้งบริษัทประกันภัยและตำรวจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ในแอพพลิเคชั่นเดียว ซึ่งข้อมูลจะส่งตรงไปยังบริษัทประกันภัยที่ประชาชนแจ้งไว้ ทำให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น

 

ภายหลังรีแบรนด์ บริษัทยังคงอัตลักษณ์ “ความยืดหยุ่น-ความมั่นคง”

“วรวัจน์” กล่าวว่า ภายหลังการรีแบรนด์ สิ่งที่ยังคงความเป็นอัตลักษณ์ของบริษัท คือ ความยืดหยุ่นและความมั่นคงแข็งแรง ซึ่งความยืดหยุ่น เช่น บางครั้งในการจ่ายค่าสินไหม บริษัทไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่บางครั้งจะคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของคู่ค้าและผู้เสียหายด้วย สำหรับความคาดหวังจากการรีแบรนด์ในระยะยาวก็คือ พฤติกรรมของพนักงาน พฤติกรรมของบริษัท แนวทางนโยบายของบริษัทจะถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีในการแข่งขันมากขึ้น

และท้ายที่สุด หวังว่าผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า ผู้เสียหาย สมควรจะได้รับประโยชน์มากขึ้น ทั้งนี้ Insurtech ที่หลายคนพูดถึงกันในตอนนี้ อาจเป็นเรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ทำให้เกิดความรวดเร็ว ความสะดวกสบายที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค ขณะที่การแข่งขันของอุตสาหกรรมประกันภัยก็จะมีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์มากขึ้น @

ภาพ : facebook/นำสินประกันภัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น