“เกียรติสินโฮลเซล” ค้าปลีกทุนไทยปรับตัวอย่างไร ก้าวไกลเติบโต

“เกียรติสินโฮลเซล” ค้าปลีกทุนไทยที่ขอนแก่น ปรับตัวสู้ทัพค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ยึดความต้องการผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมปัจจัยแห่งความสำเร็จ “การค้าคู่คุณธรรม-ไม่ประมาท-อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว”

กระแสทัพค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ที่ทำให้ร้านโชวห่วย หรือร้านค้าปลีกทุนไทย ประสบปัญหาล้มหายตายจากไปไม่น้อยในช่วงที่่ผ่านมา แต่ห้างสรรพสินค้าเกียรติสินโฮลเซล ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น สามารถปรับตัวและต้านกระแสค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อยู่รอดและเติบโตได้อย่างไรนั้น “นริศร จรรยานิทัศน์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกียรติสินโฮลเซล จำกัด กล่าวในรายการ”ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า ผู้ประกอบการไทยหลายๆ วงธุรกิจต้องปรับตัว พร้อมยกคำพูดของ “รวิศ หาญอุตสาหะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ ที่ว่า “อนาคตมีแค่ 2 ทาง คือ คุณจะเปลี่ยน หรือ รอให้โลกเปลี่ยนคุณ”

ซึ่งประโยคนี้ถูกต้องกับนิยามในบริบทปัจจุบันมาก เพราะปัจจุบันสิ่งแวดล้อม ปัจจัยภายนอก มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้น กลุ่มโชวห่วยยังประมาทไม่ได้ ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน เรื่องการบริหารคนต่างๆ ก็ต้องทำให้ละเอียดมากขึ้น เพราะทุกวันนี้โลกเราซับซ้อนกว่าโลกยุคก่อนมาก ทุกวันนี้นอกจากเราจะมีความชัดเจนเรื่ององค์ความรู้แล้ว ยังต้องมีความถนัด ความสามารถ ควบคู่กับความรู้ต่างๆ อีกหลายประการ

โชวห่วยต้องปรับตัว ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค

“นริศร” กล่าวว่า ร้านโชวห่วยต้องปรับตัวให้คล้ายโมเดิร์นเทรด โดยยึดผู้บริโภคเป็นหลัก ว่าผู้บริโภคมีความคุ้นเคยอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร ชอบอย่างไร เราก็พยายามตอบโจทย์ตรงนั้น จะเห็นว่าร้านธุรกิจค้าปลีกของคนไทยหลายๆ ร้านในจังหวัดต่างๆ ที่เป็นทุนท้องถิ่นปัจจุบันมีการปรับตัว ทั้งการจัดวางสินค้า หน้าตาร้าน วิธีการบริหารจัดการร้านให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบัน ถ้าติดแอร์ได้ก็ติด ถ้าติดแอร์ไม่ได้ก็ให้ใช้หลัก 5 ส คือ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย ในการตอบสนองผู้บริโภค

นอกจากนี้ ต้องปรับข้อมูล เพราะธุรกิจทุกประเภทต้องอาศัยข้อมูลเป็นบรรทัดฐานประกอบการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต่อไป แต่อีก 10-15% ที่อยู่ข้างบนคือประสบการณ์ ดังนั้น เราจะตัดสินใจอย่างไร ต้องอาศัยทั้งข้อมูลและประสบการณ์ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการรับรู้และตัดสินใจไปด้วยกันในข้อมูลขององค์กร เพื่อนคนหนึ่งของตนเองบอกว่า ร้านค้าอย่างเราต้องขายสินค้าให้ลูกค้า ไม่ใช่ขายสินค้าเพื่อตัวเอง ถ้าเราเอาสินค้าที่เราชอบมาขาย มันอาจประสบความสำเร็จได้ แต่น้อยกว่าการที่เราจะขายสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ “การค้าคู่คุณธรรม-ไม่ประมาท-อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว”

ความสำเร็จของ”เกียรติสินโฮลเซล”นั้น “นริศร” กล่าวว่า มาจาก 1.การค้าคู่คุณธรรม เป็นคำพูดที่อากง อาป๊า สอนมา เราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ พนักงาน ลูกค้า เพื่อนฝูงในธุรกิจ 2.ไม่ประมาท ต้องอยู่บนข้อมูล เพื่อที่จะได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น 3.อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว สิ่งที่ต้องเรียนรู้ของเรา คือเรียนรู้เรื่องคน เรื่องพฤติกรรมต่อไป เป็นทฤษฎี PDCA (วางแผน, ปฏิบัติ, ตรวจสอบ, การดำเนินการให้เหมาะสม) และไม่อายที่จะเอาแนวความรู้ของคนอื่นมาทำ

โดยต้องให้ความเคารพกับผู้ที่ให้ความรู้เรามา ทั้งนี้ ช่วงนี้ร้านโชวห่วยต้องปรับปรุงตัวเองให้เยอะ รับรู้ข่าวสารให้เยอะ แต่ก็ต้องคิดว่าตัวไหนที่ใช่หรือไม่ใช่ เพื่อที่จะก้าวทันต่อสิ่งที่จะมากระทบต่อเราในอนาคต ซึ่งธุรกิจของเราทุกวันนี้ อยู่ในยุคที่ยากที่สุดยุคหนึ่งของโลก เพราะข้อมูลเยอะมาก แล้วความคาดหวังก็เยอะมาก

“ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” 27 เม.ย. – 5 พ.ค.นี้ ลดราคาสินค้า 20-50% พร้อมธีมรักษ์โลก

“นริศร” กล่าวด้วยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย จัดทำแคมเปญ“ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 27 เม.ย. – 5 พ.ค. 2562 ลดราคาสินค้า 20-50% โดยมี 26 ร้านค้าส่ง 5,000 ร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เข้ามาพร้อมใจร่วมกันทำ โดยจะมีป้าย หรือสติ๊กเกอร์“ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” ติดอยู่หน้าร้านที่เข้าร่วมกิจกรรม และครั้งนี้เรายังมีธีมรักษ์โลก คือ ไม่ใช้ถุงพลาสติก และนำสินค้าโอทอป หรือสินค้าท้องถิ่นของชาวบ้านมาขายด้วย ซึ่งในส่วนของเกียรติสิน ถ้าลูกค้านำถุงผ้า หรือถุงพลาสติกเก่ามาใช้ เราจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วย เพื่อให้ช่วยกันลดใช้ถุงพลาสติก @

 

ภาพ : .facebook.com/เกียรติสินโฮลเซล Kiatsinwholesale

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น