เปิดมุมมองนักธุรกิจ”สถานการณ์การเมืองตอนนี้ ยังไม่กระทบเศรษฐกิจ”

ประธาน ส.อ.ท. เผย การเมืองตอนนี้ไม่กระทบธุรกิจ ไม่ว่าขั้วเก่า-ใหม่เป็นรัฐบาล ถ้าทำตามนโยบาย ไม่คอร์รัปชั่น ก็ไปได้ ติงนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำไม่ควรกำหนด ให้เป็นไปตามกลไกตลาด

“สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ถึงสถานการณ์การเมืองหลังเลือกตั้ง ที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ว่า วันนี้การเมืองเป็นสุญญากาศ แต่ยังมีรัฐบาลปัจจุบันทำงานอยู่ จึงไม่กระทบกับภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หากวันใดเกิดการชนกันแรงๆ ทะเลาะกันรุนแรงทำลายข้าวของ เดินขบวนหลังตั้งรัฐบาลเสร็จ ก็อาจกระทบหลายเรื่อง ทั้งเรื่องท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นที่จะลดลงวันนี้เป็นลักษณะนี้ ตนเองคิดว่าอีกไม่นานก็คงจะลงตัว ประเทศก็เดินหน้าไปได้ระดับหนึ่ง

ต่างชาติจับตามองการเมืองไทยเป็นปัจจัยด้านสังคม ไม่กระทบภาคเศรษฐกิจ

ส่วนการที่สหรัฐ และสื่อต่างชาติ จับตามองการเมืองไทยนั้น ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า เป็นปัจจัยด้านสังคม ที่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ซึ่งขึ้นกับโซเชียลจะมอง และจะเกิดด้านจิตวิทยามากกว่า ส่วนสหรัฐก็เป็นประเทศที่ทำตัวเป็นตำรวจโลกอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมนั้น ยังไม่ได้รับผลกระทบ หรือ ยังไม่ได้ชะลอโดยทันที วันนี้ การซื้อ การผลิต การบริโภค ทุกอย่างยังขับเคลื่อนไปได้เหมือนเดิม ซึ่งนักธุรกิจเป็นคนที่ต้องปรับตัว ถ้าใครไม่ปรับตัวก็อยู่ไม่ได้ ไม่เฉพาะเรื่องการเมือง ถ้าเจอเทคโนโลยีเปลี่ยนใหม่ แล้วไม่ปรับตัวก็ไปไม่รอด สำหรับการเมืองตอนนี้ ไม่ได้กระทบธุรกิจโดยตรง แต่อาจกระทบความเชื่อมั่นคนที่จะลงทุนใหม่ๆ อาจขอรอดูอีกสักนิด แต่คนที่ลงทุนไปแล้วก็ต้องเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป

ได้รัฐบาลใหม่ อยากเห็นเศรษฐกิจเข้มแข็ง เชื่อ เมกะโปรเจกต์เดินหน้าต่อ

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส่วนใหญ่เอกชนจะพึ่งตัวเองในการทำงาน ส่วนภาครัฐอาจสนับสนุนในเรื่องความคล่องตัว กฎเกณฑ์ กฎระเบียบต่างๆ ต่อไปภาครัฐกับเอกชนต้องทำงานร่วมกัน ทั้งเรื่องกติกา FTA จากต่างประเทศ หรือการผลักดันนโยบายต่างๆ ร่วมกัน เราได้รัฐบาลใหม่มาแล้ว เราก็อยากเห็นความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ ก็ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น สำหรับเมกะโปรเจกต์ที่ทำไปแล้ว เชื่อว่าจะยังเดินหน้าต่อไป จะไปหยุดคงไม่ได้ ถ้ารัฐบาลเป็นชุดเดิมก็สานต่อ แต่ถ้าเป็นชุดใหม่ ก็อาจมีการเปลี่ยนรูปแบบบางส่วน รายละเอียดปลีกย่อยแล้วแต่นโยบายของแต่ละพรรคแต่โครงสร้างหลักๆ คงไม่เปลี่ยน เพราะเมกะโปรเจกต์ก็เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่แล้ว

รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นขั้วเก่า-ใหม่ ถ้าทำตามนโยบาย ไม่คอร์รัปชั่น อย่างไรก็ไปได้

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า สิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นขั้วเก่าหรือขั้วใหม่ ถ้าขึ้นมาแล้ว ทำตามนโยบาย และผลักดันเรื่องมุมมองเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม รายได้ประชาชน เป็นหลัก ทำให้เกิดความเข้มแข็ง ไม่มีคอร์รัปชั่น เชื่อว่าอย่างไรก็ไปได้ เพียงแต่ปัญหาที่ผ่านมาที่เราเจอเรื่อยๆ ก็คือนโยบายส่วนใหญ่ดี แต่มีปัญหาคอร์รัปชั่นอยู่ระหว่างทางเยอะ ทำให้นโยบายที่เคยดี ก็เป็นนโยบายที่ใช้ไม่ได้ เงินไม่ถึงมือประชาชน หรือได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเจริญก็เลยไม่มา

ห่วงนโยบายค่าแรง ไม่ควรกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ ให้เป็นไปตามกลไกตลาด

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวด้วยว่า เป็นห่วงนโยบายเศรษฐกิจเรื่องค่าแรง เพราะภาคเอกชนมองว่าค่าแรงควรจะเป็นไปตามดีมานด์ ซัพพลาย วันนี้ อัตราว่างงานของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1% เกือบจะต่ำที่สุดในโลก ถือว่าคนว่างงานน้อย ความต้องการแรงงานสูง เพราะฉะนั้นเราไม่ควรกำหนดค่าแรงขั้นต่ำออกมา เนื่องจากงานที่คนไทยไม่ยอมทำ ส่วนใหญ่คนทำก็คือแรงงานต่างด้าว ถ้าเราไปจ่ายค่าแรงต่างด้าว 1-2 ล้านคน เดือนละ 1 หมื่นบาท ทั้งหมดตก 2 หมื่นล้านบาท/เดือน หรือ 2 แสนกว่าล้านบาท/ปี มันก็จะมีผลกระทบ เนื่องจากเงินส่วนนี้จะไหลออกไปหมด เพราะแรงงานต่างด้าวเขาไม่ใช้เงินอยู่แล้ว เขาเก็บเงินแล้วส่งกลับบ้าน ปีหนึ่งๆ เงินหายไปจากระบบเป็นแสนล้าน ทำให้การบริโภคของเราแทนที่จะอยู่ในประเทศ คนเอาเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสิ่งของต่างๆ เมื่อขายของได้ ก็จะต่อยอดกันไป ดังนั้นค่าแรงขั้นต่ำควรเป็นไปตามกลไก เว้นแต่จะมีคนว่างงาน 5% ซึ่งค่อนข้างสูง ก็ค่อยมาคุยกันเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เพราะอาจเกิดการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ วันนี้ ผู้ประกอบการควรจ่ายตามทักษะฝีมือแรงงาน ซึ่งแรงงานไทยค่าแรงไม่ถูกเลย และบางทีผู้ประกอบการจ่ายมากกว่า 300 บาทเยอะมาก

ส.อ.ท.จัดทำสมุดปกขาว เสนอพรรคการเมือง ใช้ประโยชน์จากเอกชนให้มากขึ้น

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ขณะนี้ ส.อ.ท.ได้จัดทำสมุดปกขาว เพื่อเสนอให้พรรคการเมืองต่างๆ ที่มี ส.ส. ซึ่งจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เนื้อหาจะเสนอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม ใช้ประโยชน์จากเอกชนให้มากขึ้น รวมทั้งนโยบายด้านภาษีที่มาใช้เพื่อผลักดันธุรกิจ การตั้งกองทุนนวัตกรรม โดยให้เอกชนลงเงิน แล้วนำไปหักภาษีได้ 3 เท่า โดยกองทุนนี้ให้ภาคเอกชนบริหาร และภาครัฐเข้ามาช่วย ในเรื่องของนวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และ Startup ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนโตได้

ไม่กังวลเรื่องการเมือง ถ้ายังสู้กันในสภา ไม่ออกมาบนถนน สร้างความเสียหาย

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส่วนตัวขณะนี้ไม่กังวลเรื่องการเมือง รอหลังประกาศการตั้งรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว เรากังวลมาก ถ้ามันไม่อยู่ในกรอบการเมือง เราค่อยมากังวลกันว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน ถ้ามันยังอยู่ในกรอบการเมือง สู้กันในเวทีรัฐสภา ไม่ใช่ออกมาสู้กันบนถนน สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินทางการและเอกชน เดี๋ยวมันก็มีทางออกตามครรลองของมัน และทุกคนต้องทำด้วยความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีจรรยาบรรณ @

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น