“กาแฟใสเหมือนน้ำ” แค่มุกมาร์เก็ตติ้ง หรือทำได้จริง?

ไม่นานมานี้ บรรดาเพื่อนพ้องที่นิยมชมชอบกาแฟเหมือนกัน ถามไถ่กันมาว่า “กาแฟใสเหมือนน้ำเปล่า” แต่ยังคงรสชาติกาแฟเดิมๆ นั้น เป็นเรื่องจริงหรือ?

เพื่อนยังบอกอีกว่า ไปเห็นมาในเพจของ “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่โพสต์ข้อความว่า “กาแฟใส – Crystal Clear Coffee” อาราบิก้า 100% ใสบริสุทธิ์ดุจน้ำแร่ แต่รสชาติเข้มข้นอเมริกาโนแท้ๆ พอเหลือบไปเห็นวันเปิดตัวกาแฟคือ 1 เมษายน 2658  ก็เลยเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่แท้เป็นกลยุทธ์การตลาดในวัน April fools’ day” เลยเกิดคำถามตามมาว่า แล้วกาแฟใสเหมือนน้ำ ทำได้จริงไหม?

ผู้เขียนก็เห็นครับโพสต์นี้ ตอนแรกก็เกือบหลงเชื่อ แต่บังเอิญไปเห็นวันเปิดตัวเข้าก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เออ..นี่มันวันโกหกเดย์นี่น่า

จริงๆ ก็อดนิยมชมชอบไอเดียมาร์เก็ตติ้งนี้ไม่ได้เหมือนกัน เห็นว่ามียอดกดไลค์กดเลิฟกับจำนวนคอมเมนท์เข้ามามากมาย ได้ “เอ็นเกจเมนต์” ไปมหาศาล เป็นการตลาดอีกแนวของแบรนด์สมัยใหม่ที่นิยมใช้กัน

ช่วงสงกรานต์ปีก่อนก็เล่นมุก “เสิร์ฟกาแฟในโอ่งมังกร” มาแล้ว ทำเอาเอฟซีออกมารับมุกกันแบบฉ่ำๆ ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว

บอกเลยว่า “กาแฟใสเหมือนน้ำ” เป็นเรื่องจริง และทำได้จริงครับ ไม่ต้องรอแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยเปิดตัวในอีก 90 ปีข้างหน้า (ฮา)

แล้วไม่ใช่ไปเอาน้ำเปล่ามาใส่สารแต่งกลิ่นเติมรสชาติกาแฟนะ แต่มีกรรมวิธีสกัดน้ำกาแฟให้ใสจริงๆ มีธุรกิจกาแฟหลายเจ้าผลิตออกมาจำหน่ายกัน จัดอยู่ในกลุุ่ม “เครื่องดื่มใสแต่มีรสชาติ” ที่ญี่ปุ่นทำกันเยอะทีเดียวครับ เป็นอีกเทรนด์เครื่องดื่มที่มาแรงมากๆ ในแดนปลาดิบ

ประมาณว่าอะไรๆ ที่ดื่มได้ก็จับมาทำเป็นเครื่องดื่มใสเสียหมด ทั้งชา, ชาเขียว, น้ำผลไม้, โยเกิร์ต, เลมอนโซดา, โคคา-โคลา และเบียร์ กาแฟก็ไม่รอด

“กาแฟใส” ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ใช้กันอยู่ 2 คำ คือ Clear Coffee กับ Crystal Clear Coffee แต่คำว่ากาแฟใสนั้นมีอยู่ 2 ความหมาย

กาแฟใสบรรจุขวด ผลิตโดยบริษัทซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภาพ : instagram.com/clrcff

ความหมายทั่วไปก็คือ กาแฟที่ผ่านกระบวนการแยกกากหรือผงกาแฟละเอียดและน้ำมันกาแฟออกไป กับอีกความหมายคือ กาแฟที่ผ่านกรรมวิธีที่มักเก็บเป็นความลับ ทำให้น้ำกาแฟใสไร้สีเช่นเดียวกับน้ำเปล่า แต่ยังให้รสชาติกาแฟ แม้จะไม่สมบูรณ์100% เหมือนรสชาติกาแฟทั่วไปก็ตาม

เท่าที่จำได้ ราวปี ค.ศ. 2017 บริษัท “ซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ” (CLR CFF) ถือเป็นรายแรกที่ผลิตกาแฟใสออกมาจำหน่ายในแบบบรรจุขวด บริษัทนี้มีออฟฟิศอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผู้ก่อตั้งเป็นพี่น้องในสกุลนากี้ เป็นชาวสโลวาเกีย ทั้งสองคนเป็นนักดื่มกาแฟตัวยงเลยทีเดียว

ตอนนั้นเป็นข่าวฮือฮามากๆ สื่อมวลชนทั่วโลกนำเสนอข่าวกันคักคัก พาดหัวข่าวทำนองว่าเป็นมิติใหม่ของการดื่มกาแฟ แต่จริงๆ แล้ว สองพี่น้องนากี้มักให้สัมภาษณ์ว่า เป้าหมายหลักในการผลิตกาแฟใสออกมาก็เพื่อคนที่ไม่อยากให้ฟันมี “คราบเหลือง”เกิดขึ้น เพราะสาเหตุจากการดื่มกาแฟ

กาแฟใสบรรจุขวดของบริษัทซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ เน้นป้องกันคราบฟันเหลืองจากการดื่มกาแฟ และเป็นเครื่องดื่มให้พลังงานที่มีแคลอรี่ต่ำ ภาพ : instagram.com/clrcff

เป้าหมายรองลงมาคือ อยากทำเครื่องดื่มให้พลังงานที่มีแคลอรี่ต่ำ ดื่มแล้วกระชุ่มกระชวยทั้งวัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่น ส่วนใครจะเอาไปทำเป็นค็อกเทลหรือผสมอาหาร ก็โอเคนะไม่ว่ากัน

สองพี่น้องนากี้ให้ข้อมูลว่า กาแฟใสที่ผลิตทำจากเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงของ “เอธิโอเปีย” กับน้ำเปล่าเท่านั้น ไม่ใส่สารกันบูด, วัตถุกันเสีย, สารปรุงแต่งรส หรือสารให้ความหวานใดๆ ทั้งสิ้น ใหม่ ส่วนระดับคาเฟอีนก็เหมือนกาแฟปกติทั่วไป

สำหรับกรรมวิธีทำกาแฟใสไร้สีนั้นยังคงเป็น “ความลับ” ว่า ใช้เทคนิคหรือระบบใดในการขจัดสีน้ำตาลเข้มๆ ออกจากกาแฟจนทำให้มีความใสเหมือนน้ำเปล่า

เรื่องนี้โดนสื่อถามบ่อยๆ  แต่ผู้บริหารซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ แค่บอกว่าใช้กรรมวิธีเฉพาะที่ยังไม่เคยมีใครทำกันมาก่อน (ยกเว้นพวกเขา) เป็นกระบวนการทางกายภาพ (physical processing) ที่ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

กาแฟใสบรรจุขวด เคยได้รับความนิยมสูง ถึงขนาดมีวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตหลายประเทศในยุโรป ภาพ : instagram.com/clrcff

เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้มากที่สุดคือ “รสชาติ” ของกาแฟใสนั้นเป็นเช่นไร ผู้ผลิตคือซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ ให้ข้อมูลว่า รสชาติเหมือนกาแฟ “โคลด์บรูว์” ว่ากันตามตรง ผู้เขียนเองไม่เคยดื่มกาแฟแบรนด์นี้มาก่อน ก็อยากลองเทสดูว่าจะเหมือนกาแฟมากน้อยขนาดไหน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้ากาแฟใสใส่ขวดของแบรนด์นี้ค่อนข้างเป็นกระแสมากเลยตอนนั้น มีวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อในอังกฤษ และอีกหลายประเทศ เช่น เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน และอิตาลี

อย่างไรก็ดี ผู้เขียนและอีกหลายๆ ท่านคง “หมดโอกาส” ชิมกาแฟใสไร้สีตัวนี้เสียแล้วครับ เนื่องจากบริษัทเลิกผลิตไปนานหลายปีแล้ว เว็บไซต์ก็ปิดไปแล้วเช่นกัน ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ไม่มีข้อมูลปรากฏให้เป็นที่ประจักษ์เลย เหลือเพียงอินสตาแกรมเท่านั้นที่พอจะยังเป็นภาพสะท้อนความทรงจำ ชวนให้หวนรำลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีบริษัทอิสระเล็กๆ ผลิตกาแฟใสใส่ขวดออกจำหน่าย

ซีแอลอาร์ ซีเอฟเอฟ จากเกาะอังกฤษ ไม่ใช่รายเดียวเท่านั้นที่ทำกาแฟใสไร้สีออกมาขาย แต่ยังรวมถึง “สตาร์บัคส์” (Starbucks) จากสหรัฐ  และ “อาซาฮี” (Asahi)  จากญี่ปุ่น สองผู้เล่นยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มระดับโลก

สตาร์บัคส์ เจแปน ก็มีเครื่องดื่มกาแฟใสออกจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ในภาพคือ เมนูคอฟฟี่เอด คูล ไลม์ ภาพ : Starbucks Japan

กลางปีค.ศ. 2023 จังหวะที่เครื่องดื่มใส (clear drink) เป็นเทรนด์เครื่องดื่มที่มาแรงสุดๆในญี่ปุ่น สตาร์บัคส์เปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟซีรีส์ใหม่ประจำฤดูร้อนที่อยู่ในไลน์เครื่องดื่มใส เรียกว่า “คอฟฟี่เอด” (Coffeeade) รวม 3 แบบคือ ไลม์, เลมอน โทนิค และสตรอว์เบอรี่ บรีซ พร้อมอธิบายว่าเป็นกาแฟใสสูตรเย็น เนื่องจากมีส่วนผสมของกาแฟอยู่ด้วย แต่กลับใสอย่างน่าประหลาดใจ โดยเมนูแรกที่เริ่มจำหน่ายคือ คอฟฟี่เอด คูล ไลม์ มีเฉพาะสาขาในญี่ปุ่นเท่านั้น

ตามที่สตาร์บัคส์ระบุนั้น ได้ใช้ “วิธีพิเศษ” เพื่อสกัดรสชาติกาแฟสำหรับทำเครื่องดื่มใส วิธีผลิตขอเก็บเป็นความลับแต่ก็มีการตรวจสอบและอัพเดตเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรสชาติเครื่องดื่มชนิดนี้

ปี 2018 อาซาฮีประกาศเปิดตัวเครื่องดื่มลาเต้ใส ชื่อว่า “เคลียร์ เอสเพรสโซ่ มิลค์ ลาเต้” เรียกสั้นๆว่าเคลียร์ลาเต้ ภาพ : Asahi

ก่อนหน้านั้น เมื่อกลางปีค.ศ. 2018 อาซาฮี ประกาศเปิดตัวกาแฟลาเต้ใสบรรจุขวด ชื่อว่า “เคลียร์ เอสเพรสโซ่ มิลค์ ลาเต้” (Clear Espresso Milk Latte) เรียกสั้นๆ ว่าเคลียร์ลาเต้ ผลิตจากการสกัดเอสเพรสโซ่, เวย์โปรตีนจากนมดิบ และน้ำแร่ธรรมชาติในญี่ปุ่น เป็นเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ แถมไม่มีคาเฟอีนและไขมัน ตอบโจทย์คนชอบกลิ่นหอมๆ ของกาแฟ และรักสุขภาพ แต่แพ้ทางคาเฟอีน

เพื่อสร้างความมั่นใจ อาซาฮีได้ทำคลิปสั้นๆ ขึ้นมาหนึ่งชุด อธิบายวิธีการผลิตแบบง่ายๆ ผู้เขียนมีความรู้น้อยทางวิทยาศาสตร์ ตอนเรียนได้เกรดไม่ดี ดูแล้วแม้ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการโดยละเอียด แต่รู้ว่านี่คือ “วิธีการกลั่น” รูปแบบหนึ่ง

เคลียร์ลาเต้ กาแฟใสจากค่ายอาซาฮี เป็นเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ ตอบโจทย์คนชอบกลิ่นหอมๆของกาแฟ รักสุขภาพ แต่แพ้คาเฟอีน ภาพ : Asahi

สรุปว่า กาแฟใสมีอยู่จริง ทำได้จริง และขายจริง แต่ยังไม่ถึงขนาดได้รับความนิยมมากจนขึ้นเป็น “กระแสหลัก”

บางรายผลิตแล้วเลิก บางรายขายแล้วไม่ปัง ก็ไม่ได้ไปต่อ อาจจะถูกใจคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มไร้สี แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ยังคงนิยมดื่มกาแฟที่มีกลิ่นรสและสีโดยธรรมชาติกันมากกว่าครับ


facebook : CoffeebyBluehill

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *