“ขาลง”จริงหรือ? ราคากาแฟตลาดโลก

หลังจากทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดในช่วงต้นปี ราคากาแฟทั้ง “อาราบิก้า” และ “โรบัสต้า” ในตลาดล่วงหน้าระหว่างประเทศก็ค่อยๆ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 เดือนให้หลังมานี้ ขานรับสถานการณ์ในบราซิลกับเวียดนามที่เริ่มกลับมามีกำลังการผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดโลกได้ตามปกติ

แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกล้าฟันธงลงไปว่าราคากาแฟตลาดโลกอยู่ในช่วง “ขาลง” แล้ว… ใช่หรือไม่?

ในช่วงที่บริษัทค้ากาแฟข้ามชาติและโรงคั่วกาแฟทั่วโลกกำลังปวดหัวกับ “ภาษีทรัมป์” ที่ไม่รู้ว่าจะปิดดีลกันเมื่อไหร่และอย่างไร ถือว่าเป็นข่าวดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับที่ราคากาแฟล่วงหน้าในตลาดโลกไม่ได้พุ่งปรู๊ดปร๊าดสูงเอาๆแบบไม่เกรงใจใคร ไม่เช่นนั้นคงปวดหัวหนักมากกว่านี้อีก

ราคากาแฟในตลาดล่วงหน้าปรับตัวลง หลังบราซิลกับเวียดนามเริ่มผลิตกาแฟป้อนตลาดโลกได้ตามปกติ ภาพ : Pasi Mämmelä from Pixabay

ต้นกรกฎาคมที่ผ่านมา ราคากาแฟอาราบิก้าส่งมอบเดือนกันยายนในตลาดล่วงหน้าระหว่างประเทศนิวยอร์ก (ICE) ลดลงต่ำกว่าระดับ 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์เป็นครั้งแรกนับจากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังเคยปรับตัวสูงถึง 4.41 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี

ล่าสุด ราคากาแฟอาราบิก้าหรือที่เรียกกันว่า “ซี มาร์เก็ต” (C Market) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.01 ดอลลาร์ต่อปอนด์ เมื่อ 23 ก.ค.ขณะที่ผู้เขียนกำลังปิดต้นฉบับอยู่นี้ แต่เคยลงไปแตะระดับ 2.78 ดอลลาร์เมื่อ 7 ก.ค. ถือได้ว่าราคาขณะนี้ปรับตัวตัวลงจากระดับสูงสุดไม่น้อย

ส่วนราคากาแฟโรบัสต้าส่งมอบเดือนกันยายนในตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก ล่าสุดเทรดกันเมื่อ 23 ก.ค. ที่ระดับ 3,575 ดอลลาร์ต่อตัน หลังจากทำสถิติสูงสุดตลาดกาลไว้ที่ระดับ 5,765 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ถือว่าสวิงตัวลงจากจุดสูงสุดมากทีเดียว

สภาพอากาศที่แปรปรวน ยังคงเป็นปัจจัยคุกคามศักยภาพการผลิตกาแฟของชาติผู้ปลูกกาแฟอันดับต้นๆของโลก ภาพ : pexels.com/Antoni Shkraba

ตลอดทั้งปีที่แล้วกับช่วงต้นปีนี้ ปัจจัยหลักๆที่มีอิทธิพลให้เกิดภาวะขาดแคลนกาแฟ จนผลักดันราคาในตลาดโลกทะยานขึ้นสูง กระทบชิ่งไปถึงราคากาแฟต่อแก้วตามร้านรวงคาเฟ่ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นไปอย่างทั่วหน้าด้วยนั้น คงไม่พ้นจากไปจาก “สภาพอากาศ” อันเลวร้ายในแหล่งผลิตกาแฟรายใหญ่อย่างบราซิลกับเวียดนาม กระทบรุนแรงต่อภาวะเก็บเกี่ยว จนผลผลิตลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย

นอกจากนั้น ก็รวมไปถึงปริมาณการบริโภคกาแฟทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด และต้นทุนค่าขนส่งที่พุ่งขึ้น กับอีกปัจจัยที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโลกทุนนิยมตลอดมา นั่นคือ ภาวะการเก็งกำไร

แต่หลังจากมีรายงานว่า ผลผลิตกาแฟฟื้นตัวขึ้นมากใน “บราซิล” ขณะที่ความเสี่ยงจากปัญหาน้ำค้างแข็งได้ลดลงในบางพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญของประเทศไปแล้ว  ประกอบกับ “เวียดนาม” ประกาศว่าตัวเลขส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทำให้ราคากาแฟตลาดล่วงหน้าเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

หากอุปทานมีเพียงพอที่จะตอบสนองอุปสงค์หรือความต้องการ ดังนั้น ราคาก็ควรจะลดลง นี่เป็นหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นที่ใครๆก็รู้ ยกเว้นก็แต่จะมีเหตุเข้ามา “แทรกซ้อน” โดยมิได้นัดหมาย

การเคลื่อนไหวของราคากาแฟอาราบิก้าในตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(ICE) ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ภาพ : ice.com

ไม่ง่ายครับที่จะทำนายทายทักว่าราคากาแฟจะลดลงไปถึงไหน จะสวิงตัวขึ้นอีกเมื่อไหร่ เพราะอย่างที่ทราบกันดีทิศทางของตลาดขึ้นอยู่กับว่า “ผลผลิต” จะมีเสถียรภาพมากน้อยขนาดไหน แล้วสภาพอากาศในยุคโลกร้อนก็คาดเดาอะไรไม่ได้เอาเสียด้วย

ประเด็นหนึ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดก็คือ การตั้ง “กำแพงภาษี” ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อประเทศที่เป็นแหล่งส่งออกกาแฟรายใหญ่ๆ เช่น บราซิล จะส่งแรงกระเพื่อมไปถึงราคากาแฟในตลาดโลกในอนาคตในใกล้นี้ด้วยหรือไม่

คริสตินา ซอคเคีย ซีอีโอแห่ง “อิลลี่คาเฟ่” (illycafé) บริษัทกาแฟชื่อดังของอิตาลี เคยให้สัมภาษณ์สำนักบลูมเบิร์กไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ราคากาแฟจะยังคงลดลงต่อไป ก่อนที่จะทรงตัวอยู่ระหว่าง 2-2.50 ดอลลาร์ต่อปอนด์ในอีก 15 เดือนข้างหน้า พร้อมเสริมว่า การคาดการณ์ผลผลิตกาแฟอาราบิก้าในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่นั้นเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคากาแฟลดลงในระยะสั้น

“ตลาดกาแฟกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยราคาที่ยังคงสูงกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนถึงกว่า 2 เท่า จึงเกิดแรงกดดันมหาศาลต่ออัตราส่วนต่าง” คริสตินา ซอคเคีย ให้ความเห็น

การเคลื่อนไหวของราคากาแฟโรบัสต้าในตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(ICE) ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ภาพ : ice.com

อย่างไรก็ดี ความคิดเห็นของซีอีโอค่ายอิลลี่คาเฟ่ ถูกเว็บไซต์ข่าวสารด้านกาแฟระหว่างประเทศอย่าง คอฟฟี่ อินเทลลิเจนซ์ (Coffee Intelligence)  ตั้งคำถามเอาว่า เธอแค่นำเสนอมุมมองทางการตลาด หรือชี้นำแนวโน้มตลาดเพื่อ “เอื้อประโยชน์” ให้กับผู้ซื้อ

ใช่…เป็นการส่งสัญญาณถึงระดับการจัดซื้อเป้าหมายของอิลลี่คาเฟ่ในไตรมาสที่จะถึงนี้หรือไม่ เป็นข้อสังเกตจากเว็บไซต์คอฟฟี่ อินเทลลิเจนซ์

ในอีกด้านหนึ่ง เพอร์เฟ็กต์เดลี่ไกรนด์ (perfectdailygrind) เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารวงการกาแฟโลก เสนอมุมมองว่า ข่าวสภาพอากาศที่ดีขึ้นในบราซิลและการคาดการณ์ผลผลิตที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ราคากาแฟอาราบิก้าทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์  แม้ว่าราคาได้ลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ แต่มีแนวโน้มว่าราคากาแฟอาราบิก้าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ และอาจเปลี่ยนทิศทางกลับไป “เพิ่มขึ้น” อีกครั้ง

การตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ต่อแหล่งส่งออกกาแฟรายใหญ่ เช่น บราซิล จะส่งแรงกระเพื่อมไปถึงราคากาแฟในตลาดโลกด้วยหรือไม่/อย่างไร ภาพ : Robert Nelson on Unsplash

เว็บไซต์นี้ชี้ว่า ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งผ่าน “ช่องแคบฮอร์มุซ” และทำให้ต้นทุนโลจิสติกสูงขึ้น นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำค้างแข็งในแหล่งปลูกกาแฟสำคัญบางแห่งของบราซิลก็ยังไม่หมดสิ้นไป อาจทำให้ราคากาแฟสูงขึ้นได้ ขณะที่เทรดเดอร์และนักลงทุนก็อาจเติมเชื้อเพลิงให้ตลาดร้อนแรงขึ้นไปอีก

อย่างที่รู้กันดีครับ ปัจจัยด้านสภาพอากาศยังคงมีความสำคัญมากๆต่อระดับผลผลิต ไม่ใช่เฉพาะกาแฟนะครับ แต่รวมไปถึงพืชเกษตรกรอื่นๆ ทั่วโลก

วานูเซีย โนเกรา ผู้อำนวยการบริหารองค์กรกาแฟระหว่างประเทศ (ICO) ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ว่า อุปทานกาแฟทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นเวลาที่ไร่กาแฟในพื้นที่ “ปลูกใหม่” ของบราซิลจะเริ่มให้ผลผลิตกันแล้ว น่าจะช่วยผ่อนคลายปัญหาสต๊อกกาแฟลดลงได้

เนื่องจากราคากาแฟที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้บราซิลขยับขยายพื้นที่ปลูกกาแฟ “โรบัสต้า” ในรัฐเอสปีริโตซานโต  คาดว่าการผลิตกาแฟโรบัสต้าในบราซิลจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 20.9% ในฤดูกาล 2025/26

ทว่าบทเรียนจากอดีตที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนยังคงเป็นปัจจัยคุกคามศักยภาพการผลิตของชาติผู้ปลูกกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลก

บราซิลเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟโรบัสต้า คาดว่าจะช่วยผ่อนคลายปัญหาสต๊อกกาแฟลดลงทั่วโลกได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ภาพ : pexels.com/1500m Coffee

“บราซิล” กับ “อินโดนีเซีย” เป็น 2 ประเทศที่มีรายงานว่า เกิดภาวะร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 ส่วน “เวียดนาม” เจอวิกฤติฝนตกหนักในช่วงเวลาเดียวกัน ภัยแล้งที่ยาวนานและฝนตกไม่สม่ำเสมอยังคงสร้างปัญหาให้กับประเทศผู้ผลิตรายใหญ่มาแล้วทั้งสิ้น

แม้ว่าขณะนี้ราคากาแฟล่วงหน้าทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้าเริ่มชะลอตัวลงจากระดับสูงสุด แต่ภัยคุกคามด้านสภาพภูมิอากาศเชิงโครงสร้างยังดำรงอยู่ แนวโน้มจึงยังมีความสุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อย

บอกตรงๆ ผู้เขียนไม่กล้าฟันธงหรอกครับว่าทิศทางจะเป็นเช่นไร เข้าสู่ช่วง “ขาลง” จริงหรือ? ก็กลัวธงหักเสียงดังเปรี้ยงนั่นแหละ


facebook : CoffeebyBluehill

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *