กลยุทธ์การตลาดที่คนทำธุรกิจควรใช้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2568

คอลัมน์: สื่อสารการตลาดตามใจฉัน

โดย อ.ลี บราลี ที่ปรึกษาธุรกิจสร้างภาพลักษณ์องค์กรและสื่อสารการตลาด

ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงเวลาทองสำหรับธุรกิจทุกประเภท เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่เทศกาลต่างๆ จนถึงการเตรียมตัวรับปีใหม่ การวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ถูกต้องจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและทำยอดขายได้อย่างน่าพอใจ ผู้เขียนเลยรวบรวมกลยุทธ์การตลาด และการทำโปรโมชั่นสินค้าในช่วงปลายปี ที่เคยทำมาแล้วได้ผลรับที่ดีเอามาแชร์ต่อ ทุกประเภทธุรกิจสามารถปรับเอาไปใช้ได้ตามต้องการเลยค่ะ

1.การตลาดเทศกาล – ใช้โอกาสพิเศษให้คุ้มค่า

ช่วงไตรมาสสุดท้ายเต็มไปด้วยเทศกาลสำคัญไล่มาตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เช่น ฮัลโลวีน ลอยกระทง คริสต์มาส และปีใหม่ การนำเทศกาลเหล่านี้มาใช้ในการทำการตลาดจะช่วยสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากขึ้นและกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกอยากจับจ่ายใช้สอย เพราะอาจได้สินค้าราคาพิเศษหรือกิฟท์เซทที่มีเฉพาะช่วงเวลานี้เท่านั้น

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • ร้านอาหารอาจจัดเมนูพิเศษช่วงลอยกระทง เช่น มาทานข้าวตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป รับกระทงใบตอง ที่นำไปลอยในแม่น้ำได้โดยไม่ทำลายแม่น้ำและสิ่งแวดล้อม หรือ ลอยกระทงออนไลน์กับทางร้าน ลอยเสร็จรับคูปองส่วนลดเงินสดสำหรับมาทานอาหารครั้งหน้า
  • ร้านเสื้อผ้าจัดคอลเลคชั่นสีทองเงินต้อนรับปีใหม่
  • ร้านกาแฟทำ Christmas Blend พร้อมแก้วสุดพิเศษที่สั่งทำมาเฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้เท่านั้น

หลักสำคัญคือต้องเชื่อมโยงสินค้าหรือบริการให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่แปะโลโก้เทศกาลเข้าไป

2.โปรโมชั่นแบบขั้นบันได – กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง

แทนที่จะทำโปรโมชั่นครั้งเดียวใหญ่ๆ ลองแบ่งเป็นหลายช่วงแทน เช่น “โปรแรงวันลอยกระทง” “โปรอุ่นใจรับหนาว” และ “โปรส่งท้ายปี” วิธีนี้จะช่วยรักษาความสนใจของลูกค้าตลอดทั้งไตรมาส

ตัวอย่างการใช้งาน: 

  • ร้านเครื่องสำอางอาจเริ่มด้วย “ซื้อ 1 แถม 1 ลิปสติก” ต้นเดือนตุลาคม ต่อด้วย “ลด 30% ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหนาว” เดือนพฤศจิกายน และจบด้วย “ของขวัญปีใหม่ฟรี” เมื่อซื้อครบจำนวน
  • ร้านเสื้อผ้าแบ่งเป็น “ลดราคาเสื้อกันหนาว 20%” → “ซื้อ 2 ชิ้น ลดเพิ่ม 10%” → “ลดสุดสัปดาห์สุดท้ายปี 50%”  หากคาดการณ์ว่าหน้าหนาวนี้อาจไม่หนาวมาก ลองปรับการทำโปรโมชั่นเสื้อกันหนาวเป็นแจ๊กเกตกันลม กันฝน ที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดทั้งปี จะทำให้คนสนใจโปรนี้มากกว่า

3.การตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม – เข้าใจลูกค้าให้ลึกซึ้ง

แทนที่จะโฆษณาไปทั่วๆ ลองมองลูกค้าเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วทำการตลาดที่ตอบโจทย์แต่ละกลุ่มเป็นพิเศษ

ตัวอย่างการใช้งาน: 

  • ร้านเบเกอรี่อาจแบ่งเป็น “ขนมคุกกี้สำหรับคุณแม่ที่อยากทำให้ลูก” และ “เค้กสวยหรูสำหรับผู้หญิงวัยทำงานที่จะเอาไปเลี้ยงเพื่อนร่วมงาน” หรือเปิดให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบดีไซน์หน้าเค้ก  ตามที่ลูกค้าต้องการโดยทางร้าน ต้องเตรียมคนมาช่วยสอนลูกค้าก็จะถูกใจ ลูกค้าที่ชอบทำอะไรแบบดีไซน์เฉพาะตัวมีชิ้นเดียว เพื่อเอามาทานในครอบครัวหรือส่งมอบเป็นของขวัญในงานเลี้ยงคริสตมาส งานปีใหม่
  • ธุรกิจฟิตเนสแบ่งเป็น “คลาสลดน้ำหนักก่อนปีใหม่สำหรับคนอายุ 30+” และ “คลาสเต้นเพื่อสุขภาพสำหรับวัยรุ่น” และคลาสออกกำลังกายเฉพาะผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไป

การรู้จักลูกค้าแต่ละกลุ่มทำให้เราสื่อสารได้ถูกใจและลูกค้ารู้สึกว่าเราเข้าใจเขาจริงๆ

4.เน้นประสบการณ์มากกว่าสินค้า – สร้างความประทับใจ

คนสมัยนี้ไม่ได้อยากได้แค่สินค้า แต่อยากได้ประสบการณ์ที่ดีด้วย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ทุกคนอยากได้ความสุขและความทรงจำดีๆ  อันนี้เป็นโจทย์ของผู้ประกอบการธุรกิจที่จะสร้างสรรค์ไอเดียอย่างอิสระ ทั้งการจัดโปรโมชั่น การเลือกทำโปร การเสนอโปรแกรมทดลองใช้ที่ให้ลูกค้ารู้สึกอยากใช้สินค้านั้นสักครั้งนึง ก่อนตัดสินใจซื้อเป็นเจ้าของชิ้นนั้นๆ

ตัวอย่างการใช้งาน: 

  • ร้านกาแฟจัดมุมถ่ายรูปสวยๆ แต่งตามเทศกาล พร้อมเครื่องดื่มสีสันสดใส  หรือครีเอทกาแฟสูตรพิเศษ ที่มีเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
  • ร้านหนังสือจัดกิจกรรมอ่านหนังสือร่วมกัน พร้อมเชิญนักเขียนที่อยู่ในความสนใจในช่วงเวลานั้นๆ มาพูดคุยกับผู้อ่าน พร้อมเสิร์ฟชาร้อนในบรรยากาศอบอุ่น
  • ร้านดอกไม้จัดคลาสทำพวงมาลัยกระทงเองแทนที่จะแค่ขายกระทงสำเร็จรูป
  • ร้านเบเกอรี่ สอนลูกค้าทำเค้กสูตรที่ออกแบบเองและดีไซน์หน้าเค้กด้วยตัวเอง
  • แบรนด์ เครื่องสำอาง ใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ฟิลเตอร์สำหรับทดลอง สีลิปสติก หรือการแต่งหน้าตามสีสรรต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสีจริงๆเวลาอยู่บนหน้า เชิญลูกค้าร่วมทดลองทั้งแบบ online และที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง

เมื่อลูกค้าได้ประสบการณ์ดี พวกเขาจะกลับมาซื้อซ้ำและแนะนำเพื่อนมาด้วย

5.ใช้สื่อสังคมออนไลน์แบบมีกลยุทธ์ – เข้าถึงลูกค้ายุคใหม่

การโพสต์ลงโซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่แชร์ภาพสินค้า แต่ต้องมีแผนและเป้าหมายชัดเจน

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • ใช้ Facebook ส่วนตัวหรือ FaceBook Reels รวมทั้ง FaceBook Story สร้างสรรค์งานสำหรับโพสต์ข่าวสารและโปรโมชั่น ที่แตกต่างชิ้นงานกัน เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังใช้เฟซบุ๊กเป็นหลัก โดยทำเป็นคลิปสั้นใส่เพลงกระแส ใส่ข้อความสั้นๆที่น่าสนใจจะทำให้คนอยากดูมากกว่า นำเสนอสินค้าหรือโปรโมชั่นแบบตรงไปตรงมา
  • ใช้ Instagram สำหรับโชว์บรรยากาศร้านและภาพสินค้าสวยๆ อย่าลืมการ tag สินค้าเมื่อทำการโพสต์เพื่อให้คนกดเข้าไปดูสินค้านั้นๆ
  • ใช้ TikTok ทำคลิปสั้นสอนวิธีใช้สินค้าหรือเบื้องหลังการทำงาน รวมทั้งการสร้างแบรนด์ของสินค้าอย่างต่อเนื่อง  เปิดใช้งาน TikTok Shop เพื่อนำเสนอสินค้าที่จัดโปรโมชั่น ส่วนลดพิเศษกับทางแพลตฟอร์มตลอดปี
  • ใช้ LINE Official Account สำหรับส่งโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าพิเศษ  และเปิดใช้งาน Line Shopping เพื่อทำกิจกรรมการตลาด จัดโปรโมชั่นต่างๆ ได้ต่อเนื่อง

อย่าลืมตอบข้อความลูกค้าให้เร็วและเป็นมิตร เพราะนี่คือจุดที่ทำให้ลูกค้าประทับใจได้ง่ายที่สุด

6.สร้างความร่วมมือกับธุรกิจข้างเคียง – ขยายฐานลูกค้า

แทนที่จะแข่งกันเดี่ยวๆ ลองหาพาร์ทเนอร์ที่ธุรกิจเสริมกันมาจอยโปรโมชั่นกัน หรือทำกิจกรรมพิเศษร่วมกันเฉพาะกิจ

ตัวอย่างการใช้งาน: 

  • ร้านกาแฟจับมือร้านเบเกอรี่ ทำโปรโมชั่น “กาแฟ + ขนมปังราคาพิเศษ”
  • ร้านดอกไม้ร่วมมือร้านของขวัญ จัดแพ็กเกจ “ดอกไม้ + ของขวัญ” สำหรับคนที่จะไปเยี่ยมมิตรสหาย
  • ร้านเสื้อผ้าจับมือร้านกระเป๋า ให้ส่วนลดซึ่งกันและกัน

การร่วมมือแบบนี้ช่วยให้ลูกค้าของแต่ละร้านได้รู้จักร้านอื่นด้วย ขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาเพิ่ม

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ 

การทำการตลาดในไตรมาสสุดท้ายไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและมีแผนชัดเจน เริ่มจากการเข้าใจลูกค้าของเราจริงๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไร แล้วจึงเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจและงบประมาณของเรา

อย่าพยายามทำทุกกลยุทธ์พร้อมกัน เลือกสัก 2-3 อย่างแล้วทำให้ดี การทำน้อยแต่ดีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าทำเยอะแต่กระจัดกระจาย

สุดท้ายแล้ว การตลาดที่ดีที่สุดคือการทำให้ลูกค้ารู้สึกดีเวลาที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการเรา เมื่อพวกเขามีความสุข Happy จากผลลัพธ์การใช้สินค้าและบริการที่ดีประทับใจพวกเขาจะเป็นทั้งลูกค้าประจำและนักโฆษณาให้เราโดยอัตโนมัติ ชอบการทำกิจกรรมการตลาดแบบไหนส่งท้ายปี ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ ลีเลือกเอามาเฉพาะที่ไม่ได้ใช้งบเยอะทุ่มทุนเกินไป เอาที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์อัพเดทสิ่งใหม่ๆลงไป ปรับให้ตรงกับแบรนด์ก็จะมีกิจกรรมส่งท้ายปี ที่ใช้ได้จริงค่ะ 


เกี่ยวกับผู้เขียน อาจารย์ ลี บราลี 

  • ที่ปรึกษาด้านสื่อสารการตลาด (Marketing Communications)  การสร้างภาพลักษณ์องค์กร การประชาสัมพันธ์ และการตลาดออนไลน์ 
  • มีประสบการณ์การเป็นผู้บริหาร Chief Operation Officer บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาด การสร้างภาพลักษณ์องค์กร ดูแลวางแผนกลยุทธ์ให้ลูกค้าทุกประเภทธุรกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากกว่า 37 ปี
  • ทำธุรกิจ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชราทั้งในไทยและต่างประเทศ
  • อาจารย์พิเศษ คณะนิเทศศาสตร์ให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐ และเอกชน
  • วิทยากรบรรยายด้านการสื่อสารการตลาด สร้างภาพลักษณ์องค์กร การประชาสัมพันธ์ และการตลาดออนไลน์ ให้กับหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน
  •  วิทยากรบรรยายด้านสุขภาพศาสตร์แพทย์ชะลอวัย และ Wellness 
  • ดิจิตัล ครีเอเตอร์ ช่องเกี่ยวกับสุขภาพศาสตร์ชะลอวัย
  • คอลัมนิสตบทความด้านการตลาด การตลาดออนไลน์และประชาสัมพันธ์ให้กับเว็บไซต์สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ www.SMEbiznews.com คอลัมน์ SME Knowledge

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *