ทำไงดี เมื่อคุณลูกค้าสั่ง… “คาปูชิโน่ไม่ใส่นม”

“คาปูชิโน่” (Cappuccino) เป็นกาแฟผสมนมที่คนไทยรู้จักกันมานาน เป็นได้ทั้งเมนูร้อนและเมนูเย็น มีต้นกำเนิดจากอิตาลีราวต้นศตวรรษที่ 18 เชื่อกันว่านี่คือกาแฟใส่นมเมนูแรกๆ ของโลกเลยก็ว่าได้

ปัจจุบันคาปูชิโนมีการดัดแปลงสูตรกันไปบ้างตามยุคสมัย เช่น มีท็อปปิ้งโรยด้านบนแก้วด้วย หรือวาดลวดลายรูปต่างๆ แบบลาเต้อาร์ท แต่ยังคงส่วนผสมหลักดั้งเดิมเอาไว้ นั่น คือ “เอสเพรสโซ่”กับ “นม”

หลายวันก่อน ผู้เขียนบังเอิญไปเห็นกระทู้หนึ่งในเว็บบอร์ดพันทิปที่มีการตั้งคำถามว่า “ลูกค้าสั่งคาปูไม่ใส่นม แต่พนักงานใส่ให้ แบบนี้ใครผิดครับ?”

นานๆ มีโอกาสได้ใช้คำว่ากระทู้และเว็บบอร์ดสักที ชวนให้ย้อนรำลึกถึงความหลังครั้งเข้าสู่สื่อสังคมออนไลน์ใหม่ๆ เสียนี่กระไร ผู้อ่านท่านใดสนใจใคร่อยากรู้เหตุการณ์โดยละเอียด หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าใครผิด-ใครถูก ก็ลองเข้าไปติดตามที่พันทิปกันได้ครับ

คาปูชิโน่ เป็นสูตรกาแฟผสมนมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ถ้าเป็นคาปูชิโน่ไม่ใส่นมล่ะมีไหม ถ้ามี หน้าตาจะเป็นเช่นไร ภาพ : Charlie Waradee

เอาจริงๆ ถ้าผู้เขียนเป็นพนักงานร้านกาแฟแล้วเจอคุณลูกค้าสั่งเมนูแปลกๆที่ไม่คิดว่าจะได้ยินบนโลกใบนี้มาก่อนอย่าง “คาปูชิโน่ไม่ใส่นม” ก็คงมีงงไปเหมือนกัน หรือไม่ก็มีอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะอธิบายกลับไปอย่างทำใจร่มๆ ว่า คาปูชิโน่ เป็นกาแฟผสมกับนม ทั่วโลกเขาใช้สูตรแบบนี้กัน ถ้าไม่ดื่มนม คุณลูกค้าลองสั่งเอสเพรสโซ่หรืออเมริกาโน่ดีไหม

ถ้าคุณลูกค้ายังยืนยันนั่งยันอยากสั่งคาปูชิโน่ไม่ใส่นมจริงๆ จะด้วยเหตุเพราะ “เขา” ไม่รู้ หรือ “เรา” ไม่รู้ก็แล้วแต่ ไม่ต้องตกใจไปครับ วันนี้มีเมนูคาปูชิโน่สูตรไม่ใส่นม มานำเสนอให้ลองเอาไว้ใช้รับมือกับสถานการณ์นี้

ไม่ใช่สูตรของผู้เขียนเองหรอกครับ บังเอิญไปเจอมาในแพลตฟอร์มติ๊กต๊อกอีกเช่นกัน

คาปูชิโน่ไม่ใส่นม ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Cappuccino without milk หรือ  Cappuccino no milk  ถ้ามีคุณลูกค้ากล้าสั่ง บอกเลยว่าหากว่าผู้เขียนเป็นพนักงานชงกาแฟหรือบาริสต้า ก็กล้าจัดให้ครับ

อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อคุณลูกค้าเห็นกาแฟที่สั่งแล้ว จะทำหน้าตาอย่างไร มีงงหรือมีอึ้งบ้างไหมหนอ

ในติ๊กต๊อก คาปูชิโน่ไม่ใส่นมเริ่มเป็น “บิ๊กเทรนด์” มาเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เอง ผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นคนแรก แต่เข้าใจว่ามีการดีไซน์เมนูนี้ขึ้นมาเพื่อรับมือกรณีมีคุณลูกค้าอยากสั่งคาปูชิโน่ไม่ใส่นมขึ้นมานั่นเอง

เชื่อเถอะครับว่าไม่ได้มีเฉพาะไทยประเทศเดียวหรอกที่เจอออร์เดอร์กาแฟแปลกๆประหลาดๆ เยี่ยงนี้ ร้านกาแฟหลายประเทศล้วนมีประสบการณ์ทำนองเดียวกันนี้ทั้งนั้น

คาปูชิโน่แบบมาตรฐาน ประกอบด้วยดับเบิลเอสเพรสโซ่,สตีมนม กับโฟมนม สูตรอิตาลีดั้งเดิมใช้อัตราส่วน 1:1:1 เท่ากัน ภาพ : Charlie Waradee

สูตรคาปูชิโน่แบบมาตรฐาน ประกอบด้วยดับเบิลเอสเพรสโซ่กับนมสด แล้วนมสดก็แยกเป็น 2 ส่วน คือ “สตีมนม“กับ “โฟมนม”ในระดับไมโครโฟม ซึ่งเป็นฟองนมที่เล็กและเนื้อละเอียดมาก สูตรอิตาลีดั้งเดิมใช้อัตราส่วนตองหนึ่ง 1:1:1 เท่ากันหมด ด้านล่างแก้วเป็นเอสเพรสโซ่ ตรงกลางเป็นสตีมนม และด้านบนเป็นโฟมนม

สำหรับคาปูชิโน่ไม่ใส่นม เมื่อไม่ใช้นม ก็ต้องไปหาอย่างอื่นมาทดแทน คนออกแบบเมนูนี้ก็เก่งไม่เบาทีเดียวครับ เขา/เธอใช้ “โฟมกาแฟ” เป็นตัวแทนนม โดยเอาเอสเพรสโซ่,น้ำเปล่า และน้ำแข็งก้อน ไปตีฟองจนกลายเป็นโฟมละเอียดเนื้อเนียนนุ่น เช่นเดียวกับเทคนิคการสตีมนมที่ใช้ก้านตีโฟมนมจากเครื่องชงเอสเพรสโซ่นั่นแหละครับ

ถ้าใครทำคาปูชิโน่หรือลาเต้อาร์ทเป็น ก็ทำเมนูนี้ได้เช่นกัน เพราะต่างกันเพียงแค่เปลี่ยนจากสตีมนมไปสตีมกาแฟแทน

เรียกว่าการสตีมกาแฟอาจฟังดูแปลกหูไปหน่อย  แต่ถ้าใช้คำว่ากาแฟปั่นจนเนื้อเนียนแบบ “แฟรปเป้” (Frappe) เมนูกาแฟปั่นสไตล์กรีก ก็ง่ายขึ้นเยอะเลย ใช่ไหมครับ

สูตรคาปูชิโน่ไม่ใส่นม แต่ใช้โฟมกาแฟแทนสตีมนม จากร้านกาแฟควบโรงคั่วเรดชิฟต์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ภาพ : tiktok.com/@redshift_coffee

วิธีทำคาปูชิโน่ไม่ใส่นม แยกเป็น 2 สเตป คือ ทำเอสเพรสโซ่กับทำกาแฟปั่นเนียนๆ

1.สกัดช้อตเอสเพรสโซ่ 2 แก้ว แก้วละช้อต

2.เทเอสเพรสโซ่ 1 แก้ว ลงในพิชเชอร์ที่ใส่น้ำแข็งก้อนเล็ก 2-3 ก้อนและน้ำเปล่าอยู่ก่อน

3.นำส่วนผสมทั้งหมดในพิชเชอร์ไปสตีมหรือตีฟองผ่านเครื่องชงเอสเพรสโซ่เช่นเดียวกับวิธีสตีมนม

4.เมื่อโฟม/ฟองกาแฟมีเนื้อละเอียดเนียนได้ที่แล้ว ก็นำมารินลงในแก้วเอสเพรสโซ่ที่เตรียมไว้อีกแก้ว พร้อมตกแต่งหน้าในแบบลาเต้อาร์ทได้เหมือนคาปูชิโน่โดยทั่วไป

รูปโฉมของคาปูชิโน่แบบไม่ใช้นม มีลวดลายลาเต้อาร์ทเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ จากสีโฟมกาแฟ เข้ามาแทนที่สีขาวของโฟมนม  ถ้าตัดคำว่าคาปูชิโน่ออกไป เมนูแปลกใหม่นี้ก็อาจจะเรียกว่า “เอสเพรสโซ่กับโฟมกาแฟในแบบลาเต้อาร์ท” ก็น่าจะได้อยู่นะครับ

สำหรับสัดส่วนของน้ำเปล่ากับน้ำแข็งก้อนในพิชเชอร์ จะมากน้อยขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเมนูที่ทำและการออกแบบรสชาติ ผู้ชำนาญการด้านชงกาแฟย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี หรือจะหาวิธีทำมาเป็นตัวอย่างประกอบก็ได้ ในติ๊กต๊อกมีแชร์ไว้หลายคลิปด้วยกัน ลองเสิร์ฟหาคำว่า Cappuccino without milk

หน้าตาคาปูชิโน่ไม่ใส่นม หรือ Cappuccino without milk จากร้านกาแฟควบโรงคั่วเรดชิฟต์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส ในแคลิฟอร์เนีย ภาพ : tiktok.com/@redshift_coffee

อ้อ…เกือบลืม มีร้านกาแฟไทยในชลบุรี แนะนำเคล็ดลับวิธีทำไว้ในติ๊กต๊อกด้วยเช่นกัน ร้านนี้ชื่อว่า “สเตอร์ อิท เฮ้าส์ คอฟฟี่” (Stir It House Coffee) คอกาแฟบ้านใกล้เรือนเคียงแวะไปลองชิมกันได้ครับว่ารสชาติต่างไปจากคาปูชิโน่แบบมาตรฐานมากน้อยขนาดไหน

คาปูชิโน่เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จึงมีการต่อเติมเสริมแต่งกันมากมายหลายเวอร์ชั่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หากว่าเป็นพนักงานชงกาแฟหรือบาริสต้า ก็อาจได้ยินได้ฟังออร์เดอร์ “แปลกหู” จากคุณลูกค้าบ่อยๆ ดังนั้น ผู้เขียนขออนุญาตเพิ่มเติมคำศัพท์อีก 3 คำ

“เว็ท คาปูชิโน่” (Wet Cappuccino)

แปลไทยตรงๆก็คือคาปูชิโน่เปียก เป็นคาปูชิโนที่มีสัดส่วนของสตีมนมมากกว่าโฟมนม ให้รสชาติหวานแบบครีมมี่ๆของนมสดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีการใช้สตีมนมในปริมาณมากขึ้นเพื่อเจือจางรสขมเข้มของเอสเพรสโซ่ในคาปูชิโน่แบบมาตรฐาน

คาปูชิโน่สูตรนี้ เรียกกันอีกชื่อว่า คาปูชิโน่ เชียโร่ (Cappuccino Chiaro)

“ดราย คาปูชิโน่” (Dry Cappuccino)

แปลเป็นไทยตรงๆก็คาปูชิโน่แห้ง เรียกขานกันอีกชื่อว่า คาปูชิโน่ สคูโร (Cappuccino Scuro)

เป็นเมนูที่ตรงข้ามกับเว็ท คาปูชิโน่ คือมีสัดส่วนของโฟมนมมากกว่าสตีมนม เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเนียนนุ่มของโฟมนม ให้รสชาติกาแฟเอสเพรสโซ่ที่เข้มกว่าสูตรมาตรฐาน เพราะความที่มีสัดส่วนสตีมนมน้อยลงนั่นเอง

คาปูชิโน่ไม่ใส่นม นิยมทำลวดลายลาเต้อาร์ท ในภาพเป็นฝีมือของร้านกาแฟคอฟฟี่ โตรี่ ในรัฐปะหัง ประเทศมาเลเซีย ภาพ : instagram.com/coffeet0ry

“โบน-ดราย คาปูชิโน่” (Bone-dry Cappuccino)

เป็นเมนูที่ใช้เฉพาะเอสเพรสโซ่กับโฟมนมเท่านั้น ไม่มีส่วนผสมของสตีมนมแต่อย่างใด โบนดรายแปลว่าแห้งผาก คือไม่แห้งธรรมดาแบบดรายคาปูชิโน่ แต่แห้งผากไปเลย เพราะไม่มีสตีมนม มีโฟมนมเข้าไปเพิ่มทดแทน

เมนูเอสเพรสโซ่กับโฟมนม ทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงกาแฟอิตาลีอีกสูตรหนึ่งที่ชื่อ “มัคคิอาโต้” (Macchiato)  แต่สัดส่วนโฟมนมในมัคคิอาโต้จะน้อยกว่ามาก

หลายท่านอาจบ่นว่าอะไรก็ไม่รู้เดี๋ยวแห้งเดี๋ยวน้ำราวกับก๋วยเตี๋ยวแน่ะ สับสนไปหมดแล้วนะ ผู้เขียนขอเสนอเคล็ดลับ “ช่วยจำ” มาฝากกัน คือ ถ้าเปียก(น้ำ)ก็หมายถึงสตีมนมมากกว่า แห้งหมายถึงโฟมนมมากกว่า ความหมายสอดสัมพันธ์กันเช่นนี้เอง

สำหรับท่านลูกค้าที่ชมชอบการดื่มกาแฟ ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับเมนูกาแฟมาตรฐานสากลที่ท่านสั่งให้ชัดเจนกระจ่างแจ้งพอสมควร ไม่ต้องลงลึกรายละเอียดมากมายอะไรนักหรอกครับ

การปรับแต่งส่วนผสมระหว่างเอสเพรสโซ่,สตีมนม และโฟมนม ทำให้เมนูคาปูชิโน่มีความหลากหลายจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพ : Taylor Franz on Unsplash

แค่รู้คร่าวๆ ว่า เอสเพรสโซ่กับอเมริกาโน่ เป็นกาแฟไม่ใส่นม ส่วนคาปูชิโน่กับลาเต้เป็นกาแฟใส่นม มอคค่าเป็นกาแฟใส่นมกับช็อคโกแลต เท่านี้ก็เพียงพอ  บอกเลยว่าสามารถใช้เป็นยันต์ป้องกันไม่ให้ “เผลอไผล” ไปสั่งเมนูกาแฟแปลกๆ ที่ไม่ทำกันในโลกใบนี้ได้อย่างขลังนักแล

ส่วนมาตรฐานไทยก็ควรรู้ไว้เช่นกัน บางเมนูกาแฟมีเอกลักษณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร อย่างเอสเพรสโซ่เย็นสไตล์ไทย เป็นเมนูเฉพาะถิ่น เรียกกันติดปากว่า “เอสเย็น”  มีนมเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย

ในเคสที่คุณลูกค้าสั่งกาแฟ แต่คนทำกาแฟไม่รู้ ด้วยอาจเป็นเมนูใหม่ แล้วเผลอใจคิดไปเองว่าคุณลูกค้าไม่รู้หรือจงใจมาก่อกวนอะไรหรือเปล่า นี่ก็สำคัญยิ่ง พนักงานชงกาแฟประจำร้านกับบาริสต้าจำเป็นต้อง “อัพเดต” ความรู้รอบเกี่ยวกับกาแฟเมนูใหม่ๆเหมือนกัน เป็นสิ่งจำเป็นนะครับ

คราวหน้าถ้าบังเอิญไปเจอเคสคุณลูกค้าสั่งคาปูชิโน่ไม่ใส่นมอีกคำรบ แล้วท่านลองเสิร์ฟเมนูตามที่ผู้เขียนแนะนำไว้ อยากรู้ว่ามี “รีแอคชั่น” อย่างไรเกิดขึ้นกันบ้าง ช่วยส่งเมสเซจมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าเอาไว้เลย


facebook : CoffeebyBluehill

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *