เคส “ขโมยกาแฟ” เกิดขึ้นเป็นประจำตามแหล่งปลูกกาแฟในแอฟริกาและละติน อเมริกา ยิ่งในยามที่ราคากาแฟแพงเอาๆ พังสถิติสูงสุดกันเป็นว่าเล่นทั้งสายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า คดีโจรกรรมกาแฟยิ่งเพิ่มขึ้นชุกชุม ลักขโมยปล้นกันทุกรูปแบบตั้งแต่เมล็ดกาแฟสุกคาต้น ยันสารกาแฟที่ใส่กระสอบเก็บไว้ตามโกดัง กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรายย่อยเป็นยิ่งนัก
ล่าสุด ราคากาแฟที่ทะยานขึ้นแบบไม่เกรงใจใคร ก่อให้เกิดคดีโจรกรรมกาแฟแนวใหม่ แก๊งมิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็น “บริษัทขนส่งสินค้า” และมี “แฮกเกอร์” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ใช้กล(หลอก)ลวงที่ค่อนข้าง “แยบผล” กว่าคดีขโมยกาแฟแบบเดิมๆ
เหลือเชื่อไหมครับ? ถ้าผู้เขียนจะบอกว่า เรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นที่ประเทศ “สหรัฐอเมริกา” แล้วก็กลายเป็นข่าวครึกโครมที่สื่อใหญ่ๆอย่างสำนักข่าวรอยเตอร์และเว็บไซต์ข่าวยูเอสเอทูเดย์นำเสนอเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เอง จนกลายเป็นหัวข้อสำคัญหรือท็อปปิกใหญ่ในที่ประชุมสมาคมกาแฟสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้
ใช่ครับ… การขโมยกาแฟไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ เกิดขึ้นบ่อยในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและเวียดนาม ส่วนใหญ่ก็เป็นเคสบุกเข้าไปขโมย “สารกาแฟ” หรือกรีนบีน (green coffee) ตามโกดังของไร่กาแฟ ในช่วงเวลากลางค่ำกลางคืน

ในบราซิล เคยเกิดคดีปล้นกาแฟครั้งใหญ่ที่รัฐมีนัชเจไรช์ เมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง หลังชายฉกรรจ์อาวุธครบมือบุกปล้นสารกาแฟถึง 500 กระสอบด้วยกัน กระสอบหนึ่งก็บรรจุสารกาแฟประมาณ 60 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.7 ล้านบาท
ถ้าเป็นในทวีปแอฟริกา ยูกันดากับเคนย่า เป็นสองประเทศที่เจอปัญหาหนักสุด มีทั้งแอบลักลอบขโมย“ผลกาแฟสุก”ตามสวนตามไร่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต และงัดโกดังปล้นกระสอบสารกาแฟแล้วขนใส่รถบรรทุกจนเกลี้ยง โดนกันไปนับพันๆราย
ยูกันดาเป็นประเทศส่งออกกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ พอราคาโรบัสต้าพุ่งลิ่ว มักมีเหตุโจรขโมยผลเชอรี่กาแฟสุกตามไร่ จนเจ้าของไร่ต้องจ้างยามมาเฝ้าไร่ตอนกลางคืน บ้างก็จัดหาสุนัขมาช่วยเฝ้า ทำรั้วล้อมรอบไร่ เลี้ยงผึ้งกันขโมยก็มี
ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น สำนักข่าวรอยเตอร์พวดหัวข่าวไว้แบบนี้ครับ…โจรขโมยกาแฟ “อาละวาด” หนักขึ้น หลังราคากาแฟพุ่งกระฉูด ซึ่งกาแฟที่ถูกมือเลวขโมยนี้เป็นสารกาแฟล้วนๆ เพราะเป็นประเทศผู้นำเข้ากาแฟอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว

เคสของสหรัฐอเมริกา ถือเป็นรูปแบบใหม่ของคดีโจรกรรมกาแฟเลยก็ว่าได้ ผู้เขียนติดตามข้อมูลข่าวสารวงการกาแฟระหว่างประเทศมานาน ก็เพิ่งจะเจอเคสแบบนี้เหมือนกัน คือเป็นกรณีที่ “แก๊งมิจฉาชีพ” แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่ง แล้วเสนอค่าขนส่งในราคาต่ำให้กับโรงคั่วกาแฟที่เป็นผู้นำเข้าสารกาแฟ มีรถบรรทุกพร้อมขนส่งสารกาแฟจากท่าเรือถึงมือโรงคั่วได้ตลอดเวลา
รอยเตอร์ไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายโลจิสติกส์ของบริษัทฮาร์ทเลย์ ทรานสปอร์ตเทชั่น ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ที่ให้ข้อมูลว่า บริษัทขนส่งปลอมๆเหล่านี้ส่วนใหญ่เน้นรับงานที่มีสินค้าไม่มากนัก โดยเสนอค่าบริการในราคาต่ำเพื่อล่อใจโรงคั่วผู้นำเข้ากาแฟ หรือไม่ก็มีรถบรรทุกพร้อมใช้งานทันที
ต้องขอบอกว่า ที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา คดีขโมยสารกาแฟล็อตใหญ่ๆนั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนกระทั่งระยะหลังๆที่ราคากาแฟพุ่งสูงเอาๆ คดีก็เริ่มเกิดบ่อยขึ้น โดยในปีที่แล้วเกิดคดีขึ้นประมาณ 12 ครั้ง ทำให้โรงคั่วกาแฟได้รับความเสียหายและสูญเงินไปก็หลายราย มีบ้างถึงกับโพสต์เล่าเรื่องเป็น “อุทาหรณ์” ในเว็บไซต์ของบริษัทก็มี
เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม สมาคมกาแฟแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอ็นซีเอ) ถึงกับต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมประจำปีเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส

ความที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้บริโภคเครื่องดื่มกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่มีพื้นที่ปลูกกาแฟน้อยมากๆ อย่างในรัฐฮาวาย,แคลิฟอร์เนีย และเปอร์โตริโก (เครือรัฐของสหรัฐอเมริกา) ก็ปลูกกาแฟได้แต่ผลผลิตไม่พอรองรับการบริโภคในอัตราสูง จึงต้องนำเข้ากาแฟเกือบ 100% แต่ละปีมีการขนส่งกระสอบสารกาแฟหลายล้านกระสอบจากท่าเรือไปยังโรงคั่วกาแฟทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่ขนส่งโดยใช้รถบรรทุกกัน
แก๊งมิจฉาชีพจึง “สบโอกาส” ปลอมตัวเป็นบริษัทขนส่งเพื่อก่อเหตุโจรกรรม ก็ใครจะคิดล่ะว่าในสหรัฐอเมริกาจะมีการโจรกรรมกาแฟเกิดขึ้นด้วย แล้วก็ใช้มุกใหม่มาหลอกลวงกันเยี่ยงนี้ ใครจะไปตามทันเหลี่ยมโจร เข้าใจว่าตำรวจยังตามจับตัวแก๊งมิจฉาชีพนี้ไม่ได้ ไม่งั้นก็คงกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกอีกเช่นกัน
อย่างโรงคั่วกาแฟออร์แกนิคในรัฐโคโลราโด้ที่ชื่อว่า “เดซเสิร์ท ซัน คอฟฟี่ โรสเตอร์ส” (Desert Sun Coffee Roasters) ก็ตกเป็นเหยื่อของแก๊งโจรกรรมกาแฟเช่นกัน เจอเข้ากับเหตุการณ์ที่สารกาแฟเต็มรถบรรทุกถูกขโมย เจ้าของร้านจึงออกมาโพสต์ “เตือนภัย” เพื่อนร่วมอาชีพกันโดยละเอียด

ผู้เขียนขออนุญาตสรุปให้ฟังโดยคร่าวๆ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โรงคั่วกาแฟเดซเสิร์ท ซันฯ ได้สั่งซื้อสารกาแฟจากคลังสินค้าตามปกติ และติดต่อบริษัทนายหน้าเพื่อจัดจ้างบริษัทขนส่งให้ ทว่าข้อมูลสินค้าที่บริษัทนายหน้าโพสต์ไว้ในเว็บไซต์โดนแฮ็กโดยแก๊งมิจฉาชีพ แล้วแฮกเกอร์ก็ลงข้อมูลสินค้าอีกชุดตรงกับสินค้าเดิมเป๊ะๆ แต่เลือกบริษัทขนส่งรายใหม่ที่เป็นสมุนแก๊งมิจฉาชีพเอง ให้รับหน้าที่ส่งสารกาแฟดังกล่าวแทน
บริษัทนายหน้าดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าข้อมูลถูกขโมยโดยอาชญากรทางไซเบอร์ และไม่รู้อีกว่าคนร้าย “สวมรอย” ปลอมตัวมาเป็นพนักงานบริษัทขนส่งมารับสินค้า เมื่อรับไปแล้ว ก็หายจ้อยไปพร้อมกับกาแฟเต็มคันรถ
จากนั้นคนร้ายก็โทร.ติดต่อมายังบริษัทนายหน้าเพื่อเรียก “ค่าไถ่” สัญญาว่าเมื่อได้เงินแล้วจะส่งของให้ภายใน 30 วัน บริษัทนายหน้ายอมจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่งแต่ของที่หายไปก็ยังไม่ได้คืนเสียที จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกซ้ำหลอกซ้อน จึงไปแจ้งความกับตำรวจให้ช่วยตามจับคนร้าย
ในเวลาเดียวกันนั้น “เจ้าของโรงคั่วกาแฟ” ก็ขับรถตระเวนไปทั่ว หวังจะเจอรถบรรทุกที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ไม่พบแม้แต่เงา กาแฟก็ไม่พบด้วย น่าเห็นใจมากๆครับ

ท้ายที่สุด โรงคั่วกาแฟเดซเสิร์ท ซันฯ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทนายหน้าจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตกประมาณ 3.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางเดซเสิร์ท ซันฯ ไม่ได้บอกเอาไว้ว่ามูลค่าการสั่งซื้อสารกาแฟนั้นเป็นเงินเท่าไหร่กัน
ผู้เขียนไปเห็นข้อมูลจากรอยเตอร์ที่ลองคำนวณให้ดูแบบคร่าวๆ ดังนี้ รถบรรทุกหนึ่งคันสามารถขนสารกาแฟได้ในน้ำหนัก 44,000 ปอนด์ ถ้าคิดตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน มูลค่าสารกาแฟก็ตกอยู่ที่ 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6 ล้านบาท
เพื่อป้องกันปัญหานี้ บริษัทที่ให้บริการด้านนำเข้าสินค้าบางแห่ง ได้เพิ่ม “อุปกรณ์ติดตาม” ไว้ในกระสอบสารกาแฟ เป็นการป้องปราม และสามารถตามทวงคืนสินค้าได้ในกรณีที่เกิดการโจรกรรมขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ก็มีการเตือนกันว่า โรงคั่วกาแฟจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการเลือกบริษัทขนส่ง เพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงเอา
แล้วแก๊งมิจฉาชีพเอาสารกาแฟที่ขโมยมาไปปล่อยขายที่ไหนกันล่ะ?

เรื่องนี้ รอยเตอร์อ้างความเห็นของผู้สังเกตการณ์ทางการตลาดบางรายที่เชื่อว่า แก๊งมิจฉาชีพนำสารกาแฟไปขายให้กับ “โรงคั่วกาแฟรายเล็กๆ” ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคากาแฟในตลาดโลกที่สูงลิ่วในขณะนี้
ผู้เขียนขอตั้งข้อสังเกตในแง่ดีไว้ก่อนว่า โรงคั่วกาแฟเหล่านั้นอาจไม่รู้ก็ได้นะครับว่ากำลังรับซื้อ “ของโจร” อยู่ เห็นมีคนเอามาขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ก็รับซื้อเอาไว้เพื่อลดต้นทุนไปในตัว
แต่ก็อดนึกสงสัยไม่ได้ว่า โรงคั่วผู้รับซื้อกาแฟไม่เอะใจเลยหรือว่า ทำไมมีคนเอากาแฟมาขายให้ในราคาถูก แล้วไปเอามาจากไหนกัน?
ติดตามกรณีนี้กันต่อไปครับ คงมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่มากในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา เล่นหลอกปล้นกันกาแฟกันกลางวันแสกๆแล้วหลบหนีไปอย่างลอยนวล แบบนี้ยอมกันไม่ได้อยู่แล้ว!
facebook : CoffeebyBluehill