3 เส้นทางความสำเร็จ SMEs โตแกร่งในเซเว่นฯ คิดให้ใหญ่-ขยับให้เร็ว-เริ่มจากเล็กๆ-พัฒนาความรู้สม่ำเสมอ

ด้วยจำนวนผู้ประกอบการรายย่อยที่มีมากกว่า 3 ล้านราย ส่งผลให้กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แต่ปัญหาสำคัญของเหล่า SMEs จำนวนมาก คือขาดองค์ความรู้ ขาดแนวคิด ที่จะช่วยให้ธุรกิจของตัวเองเติบโต “แบบปังๆ” และยั่งยืน

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ หนึ่งในผู้นำที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่ม SMEs มาตลอด ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้เชิญเจ้าของ SMEs ที่ประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างยอดขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้อย่างต่อเนื่อง จากหลากหลายกลุ่มสินค้า อาทิ นายสุรนาม พานิชการ เจ้าของธุรกิจน้ำเต้าหู้โทฟุซัง (Tofusan), นายเฉลิมพงษ์ ศรีโรจนันท์ เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางรอยัลบิวตี้ (Royal Beauty) และนายภักดี เดชจินดา เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองไร่ภักดี มาร่วมพูดคุยถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse ภายใต้หัวข้อ “ฟังเคล็ดลับทำ SMEs ให้ปัง+โตได้อย่างไร?” by 7-Eleven

สุรนาม พานิชการ

นายสุรนาม พานิชการ เจ้าของธุรกิจน้ำเต้าหู้โทฟุซัง (Tofusan) เล่าว่า ธุรกิจ SMEs จะเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดได้นั้น หัวใจสำคัญที่ตนยึดถือปฏิบัติมาตลอดประกอบด้วย 3 ข้อหลักๆ คือ

1.ต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจลูกค้า และรู้จักตั้งคำถามตัวเองให้มากที่สุด แนวคิดนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาวางจำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น เดิมบริษัทขายสินค้าในราคาขวดละ 35 บาท โดยตั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ แต่เมื่อทางเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เห็นสินค้าก็เกิดความสนใจ แต่ให้กลับมาหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้สินค้ามีราคาถูกลงเพราะผู้บริโภคคนไทยไม่บริโภคนมถั่วเหลืองราคา 35 บาท เนื่องจากมีราคาสูง

ซึ่งเมื่อกลับมาคิดและได้ถามตัวเองก็จริงอย่างที่เซเว่นให้คำแนะนำ บริษัทจึงมีการคิดค้นวิธีการพัฒนาจนมีราคาที่ตรงกับความต้องการของตลาด

2.บริหารคนให้ดีเหมือนบริหารงาน ช่วงที่ก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ มีพนักงานแค่ไม่กี่คน ซึ่งบริษัทก็ดูแลใส่ใจเป็นอย่างดี ไม่ให้รู้สึกว่าเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง ส่งผลให้เมื่อองค์กรขยายตัว วัฒนธรรมเหล่านี้ก็ถูกส่งต่อไปยังพนักงานคนอื่นๆ โดยอัตโนมัติ ผู้บริหารก็จะไม่เหนื่อยมากเพราะเราได้สร้างวัฒนธรรมที่ดีไว้แล้ว

และ 3.ล้มได้แต่ลุกให้ไว ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ เคยต้องเรียกคืนสินค้าทั้งหมดเพื่อทำลายทิ้ง เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพ ส่งผลให้สินค้าเลอะบรรจุภัณฑ์ เมื่อเกิดความชื้นก็ทำให้มีเชื้อราบริเวณภายนอกขวด แม้ว่าสินค้าภายในจะไม่เสียหาย แต่เพื่อความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค บริษัทจึงต้องทำลายสินค้าล็อตนั้นทิ้งทั้งหมด ทำให้สถานภาพทางการเงินในขณะนั้นต้องติดลบ เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ท้อ แต่กลับเป็นบทเรียนให้ต้องระมัดระวังและรอบคอบให้มากขึ้น          

เฉลิมพงษ์ ศรีโรจนันท์

ด้าน นายเฉลิมพงษ์ ศรีโรจนันท์ เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง Royal Beauty เล่าเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Royal Beauty เกิดขึ้นจากแนวคิดและความตั้งใจที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตของคนให้ดีขึ้น เพราะเมื่อคนเราหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ความสุข ที่จะส่งผลทั้งทางกายและทางใจ

โดยใช้เวลาพัฒนาและคิดค้นอย่างจริงจังไปพร้อมๆ กับการทำวิจัยตลาด เพื่อหาช่องว่างทางการตลาด เพราะต้องยอมรับว่าสินค้าประเภทเครื่องสำอางเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่มีรายได้ไม่สูงก็ต้องการสินค้าที่ดูดีเหมือนกับสินค้าที่วางในเคาน์เตอร์แบรนด์ ไม่ใช่สินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ธรรมดาอย่างที่เข้าใจ

เราจึงนำจุดนี้มาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ดูพรีเมี่ยม ในราคาเพียงซองละ 39 บาท ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ในวันนี้บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ยาวนานถึง 7 ปี มากกว่า 20 รายการ

 

สิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ได้คือ 1.ยึดมั่นแนวคิดความตั้งใจในการทำธุรกิจ เมื่อธุรกิจที่ทำมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ก็จะมีคนสนใจร่วมทำธุรกิจกับเรา สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือแนวคิดที่จะทำธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าทำด้วยกันจะดีกว่า เพราะจะเกิดปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน

2.Think Big/Move Fast/Start Small การทำธุรกิจต้องมองภาพใหญ่ มองความเป็นไปได้ให้มากที่สุด และธุรกิจต้องมีความรวดเร็ว คล่องตัว โดยเริ่มจากเล็กๆ ไปหาใหญ่ เพื่อจะได้รับมือกับปัญหาหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที และ 3.พร้อมเสมอ SMEs จะเติบโตได้นั้น ต้องเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองเสมอ หมั่นแสวงหาความรู้ และโอกาสให้กับธุรกิจ

ภักดี เดชจินดา

นายภักดี เดชจินดา เกษตรกรผู้ปลูก กล้วยหอมทองไร่ภักดี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกล้วยหอมทองไร่ภักดีส่งขายให้เซเว่น อีเลฟเว่นอยู่ที่ประมาณวันละ 20,000-30,000 ลูก ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นสินค้าจากภายในไร่เองประมาณ 30% ที่เหลือมาจากไร่ขนาดเล็กอื่นๆ ที่ทางไร่ให้คำแนะนำในการปลูก และเข้าไปควบคุมคุณภาพสินค้า

ซึ่งกว่าจะได้เข้ามาจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะสินค้าจะต้องมีคุณภาพตรงตามที่กำหนด ดังนั้นจึงต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งทางเซเว่น อีเลฟเว่นเองก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคด้านต่างๆ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการจัดเก็บสินค้า

แม้จะสามารถนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นได้แล้ว ก็ต้องอย่าประมาท เพราะต้องเข้าใจว่าสินค้าที่วางจำหน่ายนั้นมาจากหลายพาร์ทเนอร์ หากไม่รักษาคุณภาพและมาตรฐานก็คงไม่สามารถอยู่ในตลาดได้นาน ยิ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีรอบช่วงเวลาสั้นก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาคุณภาพและมาตรฐานให้ดีที่สุด พร้อมๆ ไปกับการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ

การเติบโตที่แข็งแกร่ง เกิดจากการนำเคล็ดลับที่ดีไปประยุกต์ใช้ และการนำไปปฏิบัติอย่างมีวินัย หากรู้จักนำเคล็ดลับของผู้ที่ประสบความสำเร็จไปประยุกต์ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โอกาสจะโตปัง และโตไกลย่อมไม่ใช่แค่ฝันอย่างแน่นอน


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น