“SCG” ปรับ รับ รุก ธุรกิจอย่างไร ในวิกฤติโควิด

โควิด-19 ระบาดระลอก 2 นี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นวงกว้างอย่างไร และจะยาวนานแค่ไหน

“วชิระชัย คูนำวัฒนา”  Head of Living Solution Business ธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์–ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง บอกว่า ตอบยาก แต่แน่ๆ คงไม่จบเร็ว เพราะดูข้อมูลทั่วโลก ผู้ติดเชื้อโควิดมากขึ้นทุกวัน ส่วนสถานการณ์รอบ 2 จะอุ่นใจได้ก็คือเมื่อทุกคนได้ฉีดวัคซีน ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

ผลที่ตามมาของธุรกิจ จะกระทบอะไรบ้างเราจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แล้วระลอก 2 นี้มาเร็วมาก  แต่ยังดีที่เรามีบทเรียนมาในการระบาดระลอกแรกแล้ว และก็พูดถึงการปรับสู่วิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal กัน พอมาระบาดระลอก 2 คราวนี้ New Normal คือของจริงแล้ว อะไรที่คิดว่าต้องปรับจะต้องทำจนเป็นเรื่องปกติ เปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา ต้องปรับตัวหลายเรื่องมาก

ในส่วนของ SCG มีการปรับตัวด้านการทำงานจากบ้าน work from home และให้พนักงานมาสำนักงานบ้างสลับกัน เราก็รับมือเต็มที่เหมือนกับรอบที่แล้ว ธุรกิจเราดำเนินต่อเนื่องไปได้ นอกจากดูแลธุรกิจก็ยังดูแลสังคมด้วย  เช่น การทำห้องน้ำสำเร็จรูปให้กับโรงพยาบาลสนาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย

ส่วนธุรกิจจะปรับตัวอย่างไร ในการใช้ดิจิทัล การ work from home ก็เป็นตัวอย่างชัดเจน คือ ต้องทำงานบนดิจิทัลให้ได้ การระบาดโควิดระลอก 2 นี้ จึงทำให้เห็นว่าพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปเป็น New Normal จนหลายอย่างกลายเป็นเรื่องปกติในวิถีชีวิต

“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ ตอนระบาดครั้งแรกต้องรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัย คราวนี้ไม่ต้องแล้ว คนเริ่มใส่ใจดูแลสุขอนามัยมากขึ้น เพราะนอกจากโควิดยังมีเรื่องฝุ่น PM 2.5 คนก็สวมหน้ากากมากขึ้น และที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป คือเรื่องประหยัดการใช้จ่าย เรื่องสิ่งแวดล้อมรักษ์โลก เริ่มสนใจ ประหยัดพลังงาน”

ถ้ามองที่โอกาสในวิกฤติ  การที่คนอยู่บ้านมากขึ้น work from home มากขึ้น ต้องดูว่า เราจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยในยุคนี้อย่างไร ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์เรื่องนี้ ทำได้ไม่ยาก  ทางเอสซีจี เองก็ได้ทำเรื่อง Smart Building Solution มาระยะหนึ่ง นำเทคโนโลยีมาใช้กับบ้าน อาคารต่างๆ

หรือเมื่อคนมาสนใจเรื่องสุขภาพ สุขอนามัย (Hygiene) มากขึ้น ก็ต้องคิดเรื่อง การทำที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆ ที่คนอยู่รวมกันมากๆ  ให้อากาศสะอาด ฆ่าเชื้อในอากาศ  เสริมความมั่นใจให้คนที่อยู่ในอาคาร

“ตอนนี้  SCG ได้พัฒนาระบบปล่อยไอออนออกมาในอากาศ ทำให้ไวรัสตาย โดยมีการทดลองพิสูจน์แล้วในแล็บ ว่าสามารถฆ่าเชื้อได้ อันนี้ก็เป็นเทคโนโลยีที่เราพัฒนา ในออฟฟิศผมก็เริ่มติดตั้งแล้ว เป็นเทคโนโลยีใหม่ ราคาไม่สูงเกินเอื้อม  มีร้านอาหาร ติดตั้งแล้วหลาย แห่ง เพราะเวลาคนไปทานอาหาร ต้องถอดหน้ากาก จะได้มั่นใจในการใช้บริการร้านอาหารมากขึ้น ซึ่งน่าจะขยายผลตรงนี้ได้”

วชิระชัย กล่าวว่า SCG ยังทำเรื่องการประหยัดพลังงานในอาคารโดยใช้ โซลาร์เซลล์ บนหลังคา เป็น Smart building ซึ่งตามบ้าน SCG มีผลิตภัณฑ์ หลังคาโซลาร์ รูฟ รวมถึงสินค้าระบายความร้อน ทำให้บ้านเย็นสบาย เป็นโอกาสของ SCG ไม่ว่าเป็นเรื่องของ สุขอนามัย (Hygiene) การประหยัดพลังงาน เป็นการมองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคนั่นเอง

ในด้านอื่นๆ  เช่นเมื่อเกิดปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)  แม้ SCG จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตซิเมนต์ที่ใช้ก่อสร้างและทำให้เกิดปัญหามลพิษจากฝุ่น PM 2.5 อันปัญหาใหญ่ของคนกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ SCG ก็พัฒนาผลิตสิ่งปลูกสร้างสำเร็จรูปทำให้ช่วยบรรเทามลพิษลง เช่น ห้องน้ำสำเร็จรูปทำมาจากโรงงาน ก็สามารถช่วยตรงนี้ได้ หรืออย่างบ้านสำเร็จรูป ก็ทำให้การก่อสร้างรวดเร็ว แก้ปัญหาที่หน้างานได้มาก

วชิระชัย แนะนำผู้ประกอบการ ทิ้งท้ายให้มีความว่องไวในการทำงาน ปรับตัวให้รวดเร็ว และนำโจทย์ที่ค้นพบ มาพัฒนาสินค้าและบริการให้ออกมาในเวลาอันสั้นตรงกับความต้องการผู้บริโภค ที่น่าจะเป็นแนวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะโลกยังอยู่ในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจจึงต้องหาทางตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้!


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น