Training อย่างไร? ให้ได้ความรู้..ใช้งานได้จริง!

ภาพจาก Facebook : Knowledge castle

การเทรนนิ่งที่จะทำให้ได้ความรู้และนำไปใช้งานได้จริง จะต้องได้เรียนทฤษฎีจากผู้บริหารในองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนักวิชาการควบคู่กัน จากนั้นให้ผู้เรียนนำทฤษฎีไปทำเวิร์คชอปในคลาส ก่อนจะให้ทดลองนำไปใช้ในการทำงานจริง

นาฎติยา โสมาเกตุ กรรมการผู้จัดการ KCT Academy กล่าวว่า KCT Academy เป็นบริษัทเทรนนิ่ง ที่เริ่มก่อตั้งในปี 2017 ด้วยความตั้งใจที่อยากจะทำให้งานเทรนนิ่งเป็นงานที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง คนที่มาเรียนกับเราสามารถเอาสิ่งนั้นไปประยุกต์ทำงานได้เลย โดยที่เขาไม่ต้องใช้เวลาในการย่อยนาน ซึ่งจะต่างจากการเรียนทั่วไปที่ต้องใช้เวลาในการย่อยนาน แต่การเทรนนิ่งหลังจากเทรนเสร็จ เราตั้งใจว่าอยากให้ผู้เรียนนำไปใช้งานได้เลย

นาฎติยา โสมาเกตุ

ก่อนหน้านี้ KCT เน้นเรื่องออฟไลน์ แต่พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็มีการปรับรูปแบบมากขึ้น ทั้งในเรื่องออฟไลน์ก็มีอยู่บ้าง เรื่องออนไลน์ก็เอาเข้ามาเสริม ซึ่งมีการตอบรับที่ดี และเรายังทำแพลตฟอร์ม e – Learning ซึ่งเรียนง่าย อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เป็นแอปพลิเคชั่น หรือเข้าผ่านเว็บเบราเซอร์ก็สามารถทำได้ จะง่ายและทำให้ผู้ประกอบการลงทุนไม่มาก เมื่อจ่ายเงินเรียนแล้ว สามารถเปิดจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ เรียนได้เลย จะเรียนกี่ครั้งก็ได้ รวมทั้งผู้ที่เทรนนิ่งผ่านทางออฟไลน์ ก็จะแถมออนไลน์ให้ด้วย สามารถกลับมาทบทวนได้

สำหรับคอร์สที่คนสนใจเรียนตอนนี้ หลังเกิดวิกฤติโควิด-19 ตั้งแต่ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของ จนถึงพนักงานในองค์กร ให้ความสำคัญกับเรื่องของ BCP หรือ การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจในภาวะวิกฤติ ทำให้ทุกๆ ที่ที่ไม่ได้เตรียมไว้ ก็เริ่มมองหาหลักสูตรนี้มากขึ้น และตัว BCP เอง ไม่เพียงแต่คนอยากเอาไปเทรนนิ่ง แต่บางที่ทำถึงขนาดจัดตั้งศูนย์ BCPเป็นขององค์กรขึ้นมา ทำให้มีการปรับธุรกิจได้เร็วขึ้น สามารถทำให้ธุรกิจขึ้นไปได้แม้เจอภาวะวิกฤติ

และอีกคอร์สคือเรื่องการปรับตัว Agile Mindset ซึ่ง Agile คือการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอให้มีการ approve ก่อน เราสามารถทดลองทำไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดูว่าอันไหนเหมาะ อันไหนใช่ ตอนนี้มีหลายที่ที่เริ่มวางพื้นฐานเรื่อง Agile ให้กับพนักงาน

ส่วนคอร์สการสอนออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ก็ยังมีความต้องการอยู่ ในส่วนของการขายของออนไลน์ พอโควิด-19 ขึ้นมา อะไรที่เป็นออนไลน์ก็ค่อนข้างมีความเร็ว มีความได้เปรียบมากขึ้นในธุรกิจ คนก็ยังให้ความสนใจอยู่

คอร์สล่าสุดที่กำลังจะเปิดสอน คือ เทคนิคการใช้คำถามสำหรับผู้บริหารที่อยากรู้ว่าต้องตามงานลูกน้องอย่างไร เวลาที่เราต้องไปคุยกับใครต้องใช้คำถามแบบไหน คำถามแบบไหนที่เหมาะกับการไปถามกับคนที่เรามีความขัดแย้งอยู่ และอีกคอร์ส คือ ทักษะการเจรจาต่อรองอย่างไรให้เราได้ธุรกิจ วินวินทั้งผู้ถูกเจรจาและผู้เจรจา ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด การจัดซื้อ หรือการต่อรองกับซัพพลายเออร์

“จุดเด่นของ KCT Academy จะเน้นเรื่องการใส่ใจลูกค้า การทำ Customize สำหรับลูกค้าเฉพาะองค์กร หมายถึงการทำตามความต้องการของลูกค้า เหมือนการตัดเสื้อเฉพาะตัว ไม่ใช่ทำแบบ Fit For All หรือหลักสูตรเดียวเหมาะกับทุกคน แต่แบบ Fit For All เราก็มี แบบนี้ก็ช่วยได้ในเรื่องปริมาณลูกค้าหลายราย แต่ถ้าทำ Customize อาจไม่ได้เยอะ แต่ได้คุณภาพสำหรับลูกค้ารายนั้น และลูกค้าอาจกลับมาซื้อซ้ำและใช้บริการต่อไป” นาฎติยา กล่าว

สำหรับหลักสูตรที่สอน KCT จะเริ่มจากวางกรอบทฤษฎีทั้งหมดในหลักสูตรนั้นๆ แล้วพาคนเรียนทำเวิร์คชอปในทฤษฎีที่เราวางกรอบไว้ เอาทฤษฎีมาย่อยเป็นเวิร์คชอปในคลาส หลังจากนั้นให้ผู้เรียนนำไปทดลองใช้งานในการทำงานของเขาเอง และเราจะใช้วิธีติดตามโทรไปพูดคุยว่าผลลัพธ์ที่เขาใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ตัววิทยากรเราจะดึงจากหน่วยงานภาคธุรกิจนั้นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้บริหารในองค์กรนั้นๆ ที่เราเชิญชวนมาร่วมเป็นทีมวิทยากรพัฒนาหลักสูตรกับเรา เพราะคนกลุ่มนี้เขาจะมองเห็นธุรกิจและมองเห็นในองค์กรที่ใหญ่ว่าอะไรคือปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็จะมีนักวิชาการอีกส่วนหนึ่ง ในหนึ่งหัวข้อ เราจะมีทั้งภาคธุรกิจและภาควิชาการไปคู่กัน

สำหรับปัจจัยที่ทำให้การเทรนนิ่งไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของรูปแบบการนำเสนอ การเทรนนิ่งส่วนหนึ่งอาจไม่โดนใจเขา หรือเนื้อหาที่เขามาเรียนไม่ตรงกับเป้าหมายที่เขาอยากได้ เพราะเขาเข้าใจว่าสิ่งที่เขาอยากได้เป็นเรื่องนี้ แต่พอมาเรียนเนื้อหาจริง เป็นคนละเรื่องกับที่เขาอยากได้ บางทีจุดประสงค์กับเป้าหมายที่มาเรียนนั้นไม่แมทช์กัน ก็เลยทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่เขาอยากได้

การเทรนนิ่งที่จะทำให้ได้ความรู้และใช้งานได้จริงนั้น นาฎติยา กล่าวว่า เราใช้เรื่องของ VAK Learning เพราะการเทรนนิ่งคือคนต้องการรับรู้ทั้งหมด โดย V คือ Visual หมายถึงการมองเห็น A คือ Audio หมายถึงการฟัง และ K คือ Kinesthetic หมายถึงการสัมผัสการรับรู้ เท่ากับว่าคนหนึ่งคนได้มองเห็นการเรียนการสอน เมื่อได้ฟัง ได้สัมผัสคือการปฏิบัติและการทำเวิร์คชอป สิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดการผสมผสาน ก็เชื่อว่าจะทำให้เขานำไปใช้งานได้จริง

ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงมากนี้ องค์ความรู้ต่างๆ เป็นเรื่องที่มีอยู่เยอะ สามารถหาได้ง่ายตามอินเตอร์เน็ต แต่ความจำเป็นที่ควรจะมีในตัวบุคคลนั้น คือ การกล้าที่จะปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าอะไรเข้ามา เราพร้อมที่จะเผชิญ พร้อมที่จะล้มได้ ล้มแล้วก็รีบลุก ลุกแล้วก็ไปต่อ เป็นเหมือนการปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเรา Mindset ของเราให้แข็งแรงขึ้น ถ้าเจอปัญหา เจอวิกฤติ เราก็สามารถที่จะเดินไปต่อได้ ไม่ใช่ไปต่อไม่เป็น ถ้าวันนี้เรามีวิธีคิด มี Mindset ที่ถูกต้อง พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนว่าความรู้เป็นเรื่องที่เติมได้ ตอนนี้ก็มีหลายที่ที่ให้ความใส่ใจเรื่อง Mindset

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ kctathailand.com หรือที่ Facebook : Knowledge castle

@

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น