เจาะเทรนด์กาแฟมาแรงปี 2020 (2)

ตอนที่แล้ว นำเสนอไปแล้ว 4 เรื่องจาก 8 เทรนด์กาแฟโลกที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในปี 2020 ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Seven Miles Coffee Roasters   แบรนด์กาแฟชื่อดังจากแดนจิงโจ้ออสเตรเลีย

ทั้ง 4 เรื่องประกอบไปด้วย 1.ICED COFFEE ยังร้อนแรงอยู่ 2.นมอัลมอนด์/นมข้าวโอ๊ต… ทางเลือกใหม่ 3.กาแฟฟิลเตอร์ยังไม่ตกกระแส 4.Reuse เพื่อการดื่มกาแฟที่ยั่งยืน

สัปดาห์นี้ต่อกันเลยครับในอีก 4 เทรนด์ที่เหลือ มาดูกันว่าทิศทางธุรกิจกาแฟออสซี่ในปี 2020 จะมีเทรนด์ใดบ้างที่โดดเด่นน่าสนใจสำหรับบ้านเรากันบ้าง

5. เครื่องบดกาแฟ ยิ่งแม่นยำ/ยิ่งต้องเร็ว

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเครื่องบดกาแฟชนิดละเอียดแบบตั้งเวลาได้ เช่น จากแบรนด์ Mazzer E และ Mythos One ประจำการอยู่ตามร้านกาแฟทั่วออสเตรเลีย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องเหล่านี้คือความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบาริสต้าในเซกเมนต์กาแฟพิเศษ (specialty coffee) ต้องการบดกาแฟในปริมาณต่ำมากๆ เช่น 0.1 กรัม

บาริสต้าหลายคนจึงมักนำกาแฟที่บดแล้วไปชั่งน้ำหนักอีกต่อในแทบทุกครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณที่ต้องการ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สิ้นเปลืองเวลาสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์

เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงมีการผลิตเครื่องบดกาแฟแบบชั่งน้ำหนักขึ้นมา เช่น Nuova Simonelli Mythos II ซึ่งเริ่มออกสู่ตลาดในปี 2019 รุ่นแรกที่ออกมาตีตลาดถือว่าได้รับความสนใจพอควร แต่ในที่สุด ก็ถูกมองว่ายังไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดเท่าที่ควร เนื่องจากปัญหาความเร็วขณะบดกาแฟนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องบดกาแฟรุ่นล่าสุดที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2020 ดูเหมือนว่าบาริสต้าไม่จำเป็นต้องเลือกอีกต่อไปแล้วระหว่าง ความเร็ว กับ ความแม่นยำ

รุ่นล่าสุดตอบสนองได้ทั้ง 2 ด้าน มีทั้งความเร็วในการบด และความแน่นอนในการชั่งปริมาณกาแฟ ส่งผลให้การทำงานของบาริสต้าง่ายขึ้นมาก   เชื่อว่าจะมีหลายแบรนด์เปิดตัวเจนเนเรชั่นใหม่ออกมา แต่ที่ Seven Miles พูดถึงก็ คือ รุ่น Mahlkonig E65S GbW ซึ่งผู้ผลิตนำไปโชว์ศักยภาพที่งาน HOST Milan 2019 ในเมืองมิลานด้วย

เวอร์ชั่นล่าสุดจากอีกค่าย Anfim SPII เป็นเครื่องบดแบบตั้งเวลาได้ที่มีความแม่นยำทีเดียว รวมไปถึง La Marzocco “Swan” ที่เครื่องต้นแบบถูกนำไปแสดงที่งาน HOST Milan 2019 เช่นกัน

เครื่องบดกาแฟแบบตั้งเวลาได้ Mahlkonig E65S GbW วางขายบนเว็บไซต์ prima-coffee.com

6. เครื่องเอสเพรสโซอัตโนมัติ แค่กดปุ่ม…

แน่นอนว่า การพัฒนาเทคโนโลยีที่นำมาประยุกต์ใช้กับร้านกาแฟ ทำให้งานของบาริสต้าเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย แต่ก็นั่นแหละเทคโนโลยีมักเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์อยู่ร่ำไป

ในออสเตรเลีย อุปกรณ์ที่ใช้เพียงนิ้วกดปุ่มก็เริ่มทำงานได้อย่างรวดเร็ว ได้งานคุณภาพสูง ประหยัดเวลา ก็มีใช้กันทั่วไปแล้วตามคาเฟ่ของออสเตรเลีย เช่น เครื่องแทมเปอร์เอสเพรสโซของ Puqpress และเครื่องสตีมฟองนม Ubermilk

ขณะที่เทรนด์อุปกรณ์แบบกดปุ่มยังคงเติบโตต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าในปี 2020 จะเป็นปีแห่งการครบเครื่องเมื่อพูดถึงเครื่องชงเอสเพรสโซแบบอัตโมมัติ ที่นิ้วมือมีหน้าที่เพียงสัมผัสปุ่มทำงาน ยิ่งเมื่อนำมาผสมผสานกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อสร้างความหลากหลาย เช่น ใส่ระบบทำฟองนมอัตโนมัติ ติดตั้งโปรแกรมทำความร้อนและไอน้ำ เพิ่มความเร็วในการทำเอสเพรสโซเป็นร้อยๆถ้วยต่อชั่วโมง ฯลฯ จะเห็นว่าตอบสนองตลาดกาแฟเชิงพาณิชย์เอามากๆ

แม้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบ Disruption ในวงการธุรกิจกาแฟ จะยังไม่เกิดขึ้นในอีก 12 เดือนหน้า แต่มันก็กำลังก่อรูปก่อร่าง ยากที่จะหลีกเลี่ยง

มองต่อไปในอนาคต เครื่องอัตโนมัติที่สามารถทำกาแฟและทำฟองนมได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับบาริสต้าทำเอง   เช่น Eversys Cameo c 2″ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างเครื่องชงดั้งเดิมกับเครื่องชงอัตโนมัติ ชัดเจนขึ้นทุกขณะพร้อมๆกับการอัพเกรดซอฟต์แวร์ในทุกครั้ง ใช่…แม้ตอนนี้ยังไม่แพร่หลาย แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก ที่เครื่องชงเจนเนเรชั่นใหม่ที่สามารถชงเอสเพรสโซและคาปูชิโนพร้อมๆกัน   จะเข้าไปบุกเบิกตามร้านรวงกาแฟที่เห็นกันในชีวิตประจำวัน

จะว่าไปแล้ว เทคโนโลยีการให้บริการตนเองนี่แหละ ที่กำลังนำพาเครื่องชงเอสเพรสโซอัตโนมัติมาสู่วิถีแห่งธุรกิจกาแฟในอนาคต

อย่างเครื่องชงกาแฟ Scanomat Topbrewer เปิดโอกาสในการสร้างโมเดลทางธุรกิจขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วย ด้วยส่วนต่อประสานที่เรียบง่ายและคุณภาพที่น่าประทับใจ ในโมเดลรุ่นล่าสุดนั้น ในแท็ปเดียวกัน สามารถทำได้ทั้งกาแฟเอสเพรสโซ กาแฟเย็น หรือแม้กระทั่งกาแฟ Nitro cold brew

Eversys Cameo c 2 เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ชงได้ทั้งเอสเพสโซและคาปูชิโนได้พร้อมๆกัน ภาพ : www.eversys.com

7. ร้านกาแฟยุคไร้เงินสด

เทคโนโลยีการชำระเงินผ่านบัตรรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Contactless หรือการชำระเงินแบบไร้สัมผัส ภายใต้ระบบ tap & go ได้รับความนิยมสูงขึ้นในทุกปี การพกพาเงินสดไปซื้อสินค้าในสังคมยุคใหม่กำลังเป็นสิ่งที่ล้าสมัยตกเทรนด์ไปเสียแล้วในหลายๆประเทศ

จากการวิจัยในปี 2018 โดยบริษัท Square ผู้ให้บริการการชำระเงินธุรกรรมเงินสด พบว่า ตามร้านกาแฟออสเตรเลียนั้น มีการชำระค่าสินค้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ในอัตราส่วน 54% ของการชำระเงินทั้งหมด

ธุรกิจร้านอาหารหลายๆ แห่ง เริ่มเล็งเห็นถึงข้อดีของสังคมไร้เงินสด เพราะสามารถให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงจากการถือครองเงินสด ตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเมลเบิร์น คือ Lune Croissanterie ร้านครัวซองต์ชั้นนำ เริ่มเปิดรับชำระเงินแบบ Cashless เช่นกัน
ในออสเตรเลีย มักมีคำถามเสมอว่า แล้วมันดีจริงหรือ? คำตอบๆก็คงเหมือนกันในทุกๆประเทศ รวมไปถึงเมืองไทยเราด้วย ไม่มีใครชอบจ่ายเงินค่าธรรมเนียมการซื้อสินค้า แต่เมื่อพิจารณาถึงเวลาที่เสียไปเมื่อต้องมานั่งนับเงินหน้าเคาน์เตอร์ หรือเดินทางไปถอนเงินสดจากธนาคาร หรือนับเงินทอนที่เป็นเหรียญ เชื่อว่าหลายคนคงตัดสินใจได้ไปแล้ว

…ในโลกธุรกิจ เวลามีค่าดังเงินทองเสมอ

Lune Croissanterie ร้านครัวซองต์ดัง เปิดรับชำระเงินแบบ Cashless เช่นกัน ภาพ : instagram.com/lunecroissant

8. DELIVERY มาแน่ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่

ในออสเตรเลีย ขนาดผู้ซื้อเสียค่าธรรมเนียมจำนวนไม่น้อย แต่ผู้ให้ธุรกิจบริการจัดส่งอาหารอย่าง Ubereats, Menulog และ Deliveroo ยังไปได้ดี มีอัตราการขยายตัวทางธุรกิจค่อนข้างสูงทีเดียวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ซึ่งถ้าทำให้สินค้าที่จัดส่งมีต้นทุนต่ำเช่นเดียวกับเมืองไทย รับรองว่าจะไปไกลเร็วกว่านี้)

ไม่เพียงแต่จะสั่งอาหารเป็นชุดมากินในบ้านหรือตามออฟฟิศเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ลูกค้ายังสามารถสั่งเครื่องดื่มและของหวาน มากิน/ดื่มได้ เช่น ไอศกรีม, น้ำผลไม้ และชากาแฟ

ในต่างประเทศ ธุรกิจกาแฟบางแห่งกระโดดเข้าสู่ธุรกิจบริการจัดส่งอาหารเพื่อหวังลดต้นทุน ตัวอย่างหนึ่งคือ เชนกาแฟดังของจีนอย่าง Luckin Coffee ซึ่งเปิดสาขากว่า 3,000 สาขา ตั้งแต่ปี 2018 ได้ใช้โมเดลธุรกิจนี้ เพื่อต่อสู้แย่งชิงตลาดกับสตาร์บัคส์ แบรนด์กาแฟระดับโลกสัญชาติอเมริกัน

Luckin coffee เชนกาแฟจีน ใช้ธุรกิจ Delivery สู้กับ Starbucks ภาพ : Facebook Luckin coffee ph

ในประเทศไทยเอง เมื่อกลางปี 2019 สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) เปิดบริการเดลิเวอรีอย่างเป็นทางการ ร่วมมือกับแกร็บ ประเทศไทย ส่งผลให้ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดจากร้านสตาร์บัคส์กว่า 75 สาขาผ่านแอพพลิเคชั่นแกร็บ (Grab)

รูปแบบธุรกิจการจัดส่งเครื่องดื่มกาแฟอย่างที่ Luckin Coffee ดำเนินการอยู่ จะได้ผลหรือไม่ในตลาดออสเตรเลีย เป็นคำถามที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานที่แตกต่างกันทั้งในเชิงเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค และวัฒนธรรมอาหาร

ในท้ายที่สุด Seven Miles Coffee Roasters แบรนด์กาแฟดังจากออสเตรเลีย ย้ำว่า สิ่งที่รับรู้กัน ก็คือธุรกิจร้านกาแฟในออสเตรเลียเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในทุกๆ ปี แม้ว่าจะยังไม่สามารถกระโจนเข้าสู่ขบวนรถไฟสายกาแฟได้ในทุกๆ สายที่เดินทางมาถึงพร้อมๆ กัน จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ทว่าก็นับเป็นสำคัญยิ่งที่ได้เห็นว่า อนาคตทางธุรกิจและตลาดของผู้บริโภคอยู่บนเส้นทางไหน เพื่อให้สามารถปรับตัวรองรับได้ทันท่วงทีเมื่อถึงเวลานั้น…@


facebook : CoffeebyBluehill

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น